วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

8 วิธีปรับฮวงจุ้ย รับหน้าฝน



นอกจากให้ความชุ่มฉ่ำเย็นสบายแล้ว สายฝนก็ยังนำมาซึ่งความเฉอะแฉะ เหนียวหนึบ เปียกชื้น และก่อให้เกิดความไม่สะดวกอีกหลายประการ เป็นเหตุให้ชาวจีนรวบรวมความรู้และสรรพวิชาต่างๆ จนได้เป็นศาสตร์ที่เรียกว่า "ฮวงจุ้ย" เพื่อให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติ อย่างกลมกลืนที่สุด อย่ารอช้า มาเรียนรู้วิธีเปลี่ยนฤดูฝนให้เป็นฤดูแห่งความสุขกันเถอะ

1. เก็บบ้านให้เรี่ยม อย่าปล่อยให้หน้าต่างแตก หลังคารั่ว ผนังแตกร้าว ข้าวของถูกวางทิ้งไว้ระเกะระกะ ฯลฯ ส่งผลให้ "ชี่" หรือพลังงานจากธรรมชาติหมุนเวียนไม่สะดวก ดังนั้นจึงต้องหมั่นรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อเก็บสำรองพลังงานดีๆ ไว้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล

2. ดูแลประตูให้เปิด ปิดได้ดังใจ ความชื้นที่มาพร้อมกับหน้าฝนมักทำให้พื้นไม้หรือประตูไม้ขยายตัวขึ้น คุณจึงต้องหมั่นหยอดน้ำมันให้ประตูเปิดปิดได้ง่าย เพราะถ้าผู้อยู่อาศัยต้องออกแรงเพื่อผลักประตูอยู่เสมอ ชี่ในร่างกายก็จะขาดความสมดุล นอกจากนี้เสียงบาดหูที่เกิดจากบานพับเป็นสนิม จะขับไล่ชี่ที่ดีภายในบ้านออกไป และทำให้ชี่ในร่างกายคุณแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แถมในระยะยาวยาวอาจทำให้คุณเป็นโรคประสาทอ่อนๆ ได้อีกด้วย

3. เสริมพลังด้วยสีแดง ลองแทนที่เฉดสีฟ้าหรือน้ำเงินของหน้าร้อนด้วยเฉดสีแดงสดใส อย่างแดงบรั่นดีหรือแดงอมส้ม โดยอาจจะเปลี่ยนรูปบนฝาผนัง ผ้าปูที่นอน หรือของแต่งห้องให้เป็นสีมงคลนี้ เพราะสีแดงเป็นสีที่ให้พลังหยาง ช่วยกระตุ้นให้เกิดความสดชื่นและมีชีวิตชีวา

4. ใส่ใจ "น้ำ" ในบ้าน ฝนที่ตกหนักอาจทำให้การระบายน้ำมีปัญหาและเกิดน้ำขังได้ง่าย ศาสตร์ฮวงจุ้ยถือว่าน้ำที่ไม่เคลื่อนไหวหรือมีกลิ่นเหม็นเป็น "น้ำตาย" ซึ่งจะชักนำชี่ที่ไม่ดีเข้ามาในบ้าน และเรียกบ่อน้ำใช้ที่ขาดการดูแลว่า "ที่เก็บกักความเศร้าและความขมขื่น" วิธีแก้คือ ปลูกต้นไม้ไว้เหนือบ่อน้ำเพื่อชักนำชี่ที่เลวร้ายขึ้นมา แล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นชี่ที่ดีกว่าเดิมหรือวางกระถางดอกไม้ที่โรยข้าวสารไว้ด้านบน ตรงบริเวณฝาท่อระบายน้ำที่อยู่ใกล้ตัวบ้าน แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำขังเป็นอันขาด

5. ทำราวตากผ้าหนีฝน ลองติดตั้งราวตากผ้าแบบติดผนังที่สามารถพับเก็บได้ง่าย เพื่อความสะดวกเวลาเก็บ จะได้สามารถรวบผ้าได้หมดทั้งราวในคราวเดียว แถมยังใช้พื้นที่น้อยมาก จะติดตั้งในทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตกก็ได้ หรือจะประดิษฐ์เองด้วยการใช้ไม้อัดทำเป็นกรอบเหมือนกรอบรูป แล้วใช้เชือกทำเป็นราว ข้อดีคือทั้งไม้และเชือกเป็นตัวแทนของธาตุไม้ ซึ่งจะช่วยเสริมพลังของ แสงอาทิตย์หรือธาตุไฟ ทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น

6. ปลูกต้นไม้ไล่แมลง แมลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยุง มดและแมลงเม่าจะเริงร่ากันมากในฤดูนี้ และก่อให้เกิดความรำคาญได้มากทีเดียว แต่คุณสามารถใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยจัดการกับปัญหานี้ได้ด้วยการปลูกต้นเพียริส (Pieris) ไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือหรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน (เพียริสเป็นต้นไม้ที่ปลูกได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร มีทรงพุ่มสีเขียวสดตลอดปี สูงประมาณ 1 - 6 เมตร ใบยาวเรียวรูปหอก ใบอ่อนเป็นสีแดง มีดอกเป็นทรงระฆังสีขาวหรือชมพู และมีกลิ่นที่ช่วยขับไล่แมลงได้)

7. ถือเคล็ดขับขี่ปลอดภัย หลายคนอาจรู้สึกว่าฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ลี้ลับ เพราะมีการถือเคล็ดหลายประการที่อยู่นอกเหนือการทำความเข้าใจของมนุษย์ การถือเคล็ดเช่นนี้เป็นหนึ่งในวิธีแก้ไขฮวงจุ้ยที่เรียกว่าชูเซอร์ (Chu - shr) อย่างไรก็ดี แม้ว่าเราจะหาคำอธิบายไม่ได้ แต่ผลลัพธ์ที่ดีก็เกิดขึ้นบ่อยจนไม่อาจเรียกว่าความบังเอิญ ดังนั้นนอกจากจะตั้งสติก่อนสตาร์ตแล้ว หากคุณผู้อ่านต้องการเพิ่มความอบอุ่นใจในการขับขี่บนถนนที่เปียกลื่น คุณอาจจะผูกเหรียญจีนโบราณสีทอง 3 เหรียญ ประทัดจีน หรือคริสตัลไว้ที่กระจกมองหลัง เพื่อเป็นเคล็ดในการเดินทางไปสู่ความมั่งคั่งโชคลาภ และสุขภาพที่ดีได้ด้วย

8. ทำตนให้เหมือนน้ำ ศาสตร์ฮวงจุ้ยถือว่า คุณธรรม ช่วยแก้ไขโชคชะตาให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นแม้ว่าเราจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้ถูกต้องอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าไม่มีคุณธรรมในใจก็ยากที่จะเรียกโชคลาภหรือความสำเร็จใดๆ ได้ หน้าฝนนี้ขอให้คุณเลียนแบบคุณสมบัติของสายน้ำ ด้วยการแสดงน้ำใจช่วยเหลือคนที่เราพบเห็นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เหมือนดังที่ เล่าจื๊อ ปรมาจารย์เต๋าเคยกล่าวไว้ว่า 'น้ำ' คือสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุด เพราะความดีของน้ำคือการทำประโยชน์แก่หมื่นสรรพสัตว์" รับรองว่าทำแล้วความมั่งคั่งและความสำเร็จจะวิ่งเข้าหาคุณเร็วขึ้น

รีวิว Bangkok Horizon Sathorn

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNVax4O7GZSlBCCf_CMUti2RmNj4sYTioB7uhmyMvY_Ma8Gw6edjuSWW6L69_rQYuKFC0HNnavjV-OBKVQGCnMeAEN3qHmyl2ZNaIUDbfFF_UVchqk6Qu9T1YiuulJ96cykqy_HQRg1Tf_/w487-h672-no/

Bangkok Horizon Sathorn โครงการนี้ของ CMC มาได้ทำเลอยู่ในซอยศูนย์การค้าวรรัตน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ซอยของถนนนราธิวาสฯ ที่มีทางทะลุไปออกถนนจันทน์ได้

การเดินทางด้วยรถยนต์ ขอพูดถึงข้อเสียก่อน คือคงจะไม่ต้องบอกว่า ทำเลแถวๆสี่แยกสาทร-นราธิวาสฯนี้ รถติดแค่ไหน แต่ข้อดีของทำเลนี้คือซอย 14 นี้มีทางหนีที่ไล่เยอะ มีทางเข้า-ออกหลักๆได้ 3 ทาง คือ นราธิวาสฯ, จันทน์ และ สาทร (เซนต์หลุยส์) ทำให้การหนีรถติด ทำได้ง่ายขึ้น โดยใช้ทางเข้าออกพวกนี้ ทางด่วนบริเวณนี้มีให้เลือกใช้ได้ 2 จุด คือที่ถนนจันทน์ และถนนสาธุประดิษฐ์ ซึ่งครอบคลุมการเดินทางในจุดต่างๆของกทม.ได้เกือบหมด

การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ มี BRT อยู่ใกล้ๆ นั่งไปต่อ BTS ได้ มอเตอร์ไซค์รับจ้างและแท็กซี่หาง่าย ถนนหนทางไม่เปลี่ยว มีความคึกคักพอตัว มีรถผ่านเข้าออกเรื่อยๆ

อาหารการกินแถวๆนี้หาไม่ยาก ในซอยมีร้านอาหารอยู่ประปราย มีเซเว่น มี ATM มีร้านค้าต่างๆอยู่จำนวนหนึ่ง ถ้าไปหาของกินโซนเซ็นหลุยส์ ถนนจันทน์มีเยอะกว่า ห้างแถวๆนี้ที่อยู่ใกล้ๆมี คอมมูนิตี้มอลล์ City Viva, เซ็นทรัลพระราม 3 และ โลตัสที่อยู่ไม่ไกล ถ้าอยากจะหาแนว กินดื่มเที่ยว บนถนนนราธิวาสฯก็มีให้เลือกเยอะเหมือนกัน

การออกแบบโครงการ ทำได้โอเค อัตราส่วนจำนวนห้อง ไม่อึดอัด ไม่หนาแน่นเกินไป อัตราส่วนลิฟท์ 90:1 จัดอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน มีลิฟท์ 3+1 ตัว ที่จอดรถ 60% ส่วนการออกแบบตัวห้อง ตัว Floor Plan มีส่วนเว้าๆแปลกๆเยอะ ทำให้ยังมีบางจุดที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องได้ไม่ค่อยลงตัวนัก จุดที่ขอชมอย่างหนึ่งคือ ระบบรักษาความปลอดภัย ลิฟท์ล็อคชั้น, Video Door Phone, Digital Door Lock, Key Card Access และ CCTV

ที่นี่ขายแบบ Fully Furnished แต่วัสดุอุปกรณ์ และเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มา บางจุดก็ดูด้อยไปหน่อยเทียบกับราคาระดับ 100,000 บาทต่อตารางเมตร เช่น หน้าบานครัวเป็นเมลามีน, สายฉีดชำระในห้องน้ำที่เป็นพลาสติก หรือตู้เสื้อผ้าที่กว้างขนาด 30 ซม.เป็นต้น

สาธารณูปโภคส่วนกลาง จัดออกมาเหนือกว่ามาตรฐานนิดหน่อย มี Golf Simulator, Hi-Speed Wifi, Game Room … ส่วนที่เหลือก็จะเป็นแบบมาตรฐานทั่วไป สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ห้องสมุด, สวนหย่อมรอบๆโครงการ และตามชั้นต่างๆ

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
ทำเล 8.5/10 – ทำเลอยู่ใจกลางเมือง แต่อยู่ในซอย

เดินทางด้วยรถ 8/10 – ขึ้นทางด่วนได้สองจุด มีทางเข้าออกหลายทาง ทางหนีที่ไล่เยอะ ที่จอดรถ 60% แต่รถติด

ไม่ใช้รถ 8/10 – มี BRT ให้ใช้บริการ ไม่ใกล้รถไฟฟ้า แต่สามารถต่อไปจาก BRT ได้ มอเตอร์ไซค์,​ แท็กซี่หาไม่ยาก

วัสดุ 7.5/10 – Fully Funished วัสดุบางอันก็ดี บางอันก็ด้อย เฉลี่ยๆกันไป อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

แบบ 7/10 – ภาพรวมโครงการทำออกมาโอเค แต่ในห้องยังมีบางจุดที่ทำให้จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ไม่ค่อยลงตัวนัก

สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาเหนือกว่ามาตรฐานเล็กน้อย

MAIN CLASS
8.00 / 10.00

Bangkok Horizon Sathorn เหมาะสำหรับคนที่ทำงานอยู่ในโซนสาทร-นราธิวาส-ถนนจันทน์ มองหาคอนโดในงบประมาณระดับ 3-5 ล้านบาท และมีทางเลือกในการคมนาคมได้หลากหลาย

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhGccZHYZXjOK3Klq9M8I6Sl69d8QFdR_nLTSZj0msrer-jT8e1q6KnjBMfI4MGT6l5IOUlK_CAXHHxMyGDn2L1dY-3EQ63LhUo4kH5s3AHj0ypl4Oa9zwEnb2RBVovGJUA7hjnImMMcxuB/w815-h522-no/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E+16.png

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เลี้ยงปลาตู้เสริมฮวงจุ้ย




ตู้ปลาเป็นสิ่งมงคลภายในบ้านที่ชาวจีนเชื่อถือกันมานานว่าบ้านใดมีไว้จะ เจริญรุ่งเรือง เพราะถือว่าน้ำกับปลาจะนำโชคลาภมาสู่บ้าน แต่ขณะเลี้ยงปลา สิ่งที่ต้องสนใจก็คือ รูปร่างลักษณะของอ่างเลี้ยงปลาต้องสอดคล้องกับห้าธาตุ นอกจากนี้แล้วยังต้องสนใจจำนวนปลาที่จะเลี้ยงและสีของปลาด้วย ตู้ปลาไว้ในบ้าน นอกจากเป็นการตกแต่งบ้านแล้ว ยังนำมาโชคลาภมาสู่บ้าน

รูปร่างลักษณะห้าธาตุของอ่างเลี้ยงปลา
อ่างเลี้ยงปลาทรงกลม ห้าธาตุจัดอยู่ในธาตุทองสามารถก่อให้เกิดน้ำที่มีความเจริญรุ่งเรือง ดังนั้นจึงถือว่าคือลักษณะที่เป็นสิริมงคล

อ่างเลี้ยงปลารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ห้าธาตุจัดอยู่ในธาตุไม้ ตามหลักฮวงจุ้ยถือว่าเป็นสิริมงคลสามารถเกื้อหนุนซึ่งและกัน

อ่างเลี้ยงปลารูปหกเหลี่ยม เปรียบเทียบหกคือน้ำ ดังนั้นห้าธาตุจัดอยู่ในธาตุน้ำถือว่าเป็นสิริมงคล
อาศัยการวิเคราะห์ตามห้าธาตุข้างต้น อ่างเลี้ยงปลาที่ทุกคนควรเลือกใช้คืออ่างเลี้ยงปลารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า รูปทรงกลมและทรงหกเหลี่ยมจะเหมาะสม

จำนวนปลาที่เลี้ยงในอ่าง

เลี้ยง ปลาพันธ์อะไรจึงจะดี ? ผู้คนโดยทั่วไปต่างเลือกเลี้ยงปลาทอง ทั้งนี้เป็นเพราะว่าปลาทองมีพลังชีวิตที่เข้มแข็งและเลี้ยงได้นานกว่าปลา พันธ์อื่นๆอีกทั้งยังดูแลรักษาง่ายจำนวนปลาที่เลี้ยงมีกฏเกฏฑ์ที่แน่นอนหรือ ตามตำราฮวงจุ้ยถือว่า

เลี้ยงปลา 1 ตัว เป็นสิริมงคลจะร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง
เลี้ยงปลา 2 ตัว ไม่เป็นประโยชน์ต่อโชคลาภ
เลี้ยงปลา 3 ตัว ไม่เป็นประโยชน์ต่อโชคลาภ
เลี้ยงปลา 4 ตัว ถือว่าเป็นมงคล
เลี้ยงปลา 5 ตัว ไม่เป็นประโยชน์ต่อโชคลาภ
เลี้ยงปลา 6 ตัว เป็นมงคลจะมีโชคลาภ
เลี้ยงปลา 7 ตัว เป็นมงคล
เลี้ยงปลา 8 ตัว เป็นมงคล
เลี้ยงปลา 9 ตัว เป็นมงคล จะร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง
เลี้ยงปลา 10 ตัว ขึ้นไปให้ลบจำนวนเต็มออก เช่น 20 ตัว ให้ถือเป็น 2 ตัว 15 ตัวถือเป็น 5 ตัว

สีของปลาที่เลี้ยง
นอกจากอ่างเลี้ยลปลา จำนวนปลามีผลกระทบต่อโชคลาภของความเจริญรุ่งเรืองของคนในครอบครัวแล้ว สีของปลาที่เลี้ยงก็มีผลกระทบเช่นกัน ดังนั้นขณะเลือกที่จะนำมาเลี้ยงในอ่างก็ต้องสนใจสีของปลาด้วย

ปลาสีทองสีขาว จัดอยู่ในประเภททอง ถือว่ามีพลังในการกวักเรียกทรัพย์สินเงินทองเข้าบ้านนับได้ว่าเป็นสิริมงคล

ปลาสีดำ สีน้ำเงินหรือสีเทา จัดอยู่ในประเภทน้ำ น้ำสามารถก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทองนับได้ว่าเป็นสิริมงคล

ปลาสีเขียว จัดอยู่ในประเภทไม้พลังแห่งความเจริญรุ่งเรืองค่อนข้างอ่อน

ปลาสีเหลืองหรือสีกาแฟ จัดอยู่ในประเภทดิน ดินสามารถพิชิตน้ำ พลังแห่งโชคลาภอ่อนมาก


Cr. CMC

การตกแต่งห้องหอ ตามหลักฮวงจุ้ย


คน จีนเชื่อว่า เรื่องมงคลที่สำคัญที่สุดในระหว่าง ฟ้า ดิน มนุษย์ ก็คือการแต่งงาน ดังนั้นเพื่อความสุขในชีวิตสมรสของคู่บ่าวสาว สำหรับคู่รักที่ตกลงปลงใจ หมั้นหมายที่จะอยู่ครองคู่กันจนแก่เฒ่า จนกระทั่งได้แต่งงานกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต ฮวงจุ้ยก็มีหลักในการตกแต่งเรือนหอให้เกิดความสมดุลและเป็นศิริมงคลในชีวิต คู่ โดยเฉพาะในเรื่องการจัดวางตำแหน่งเตียงนอน ของห้องหอ ซึ่งจะต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ

- ตำแหน่งของเตียงคู่สมรส ไม่ควรวางบีบ หรือกดดัน ตำแหน่งเสือขาว(ด้านขวา) เพราะจะทำให้คู่บ่าวสาวขาดความปรองดอง สามีอาจจะนอกใจได้ง่าย

- ตำแหน่งของเตียงคู่สมรส ไม่ควรวางไว้ชิดกับตำแหน่งเสือขาว (ด้านขวา) เพราะจะทำให้คู่บ่าวสาวขาดความปรองดอง สามีอาจจะนอกใจได้ง่าย เช่นเดียวกัน

- ตำแหน่งหัวเตียงทั้งสองข้าง หรือด้านหน้าของเตียง ไม่ควรเล็งไปทางประตูห้องน้ำ จะทำให้สุขภาพทรุดโทรม ชีวิตสมรสไม่สงบสุข เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง จะเกิดโรคลมในท้อง

- ตำแหน่งหน้าเตียง ไม่ควรวางโทรทัศน์ จะทำให้ระบบประสาทมีปัญหา เกิดโรคประสาทอ่อน

- ตำแหน่งด้านหน้าเตียง ทั้งซ้าย-ขวา ไม่ควรให้มองเห็นในกระจกเงา จะเกิดปากเสียงกันบ่อยๆ

- ตำแหน่งหัวเตียง ไม่ควรวางลำโพงหรือเครื่องเสียงอย่างเด็ดขาด จะทำให้เกิดโรคประสาทอ่อน มีปากเสียงไม่รู้จบ

- ด้านบนหัวเตียง ไม่ควรแขวนรูปภาพ โดยเฉพาะรูปภาพ งานแต่งงาน รูปเจ้าบ่าว-สาว จะทำให้กดดันความสัมพันธ์ของคู่รัก และทำให้คู่บ่าว-สาวนอนฝันร้าย

- ตำแหน่งหัวเตียง และหมอนหนุน ไม่ควรกระทบถูกจากมุมของตู้เสื้อผ้า โต๊ะอ่านหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้ง จะทำให้เป็นโรคปวดศีรษะได้ง่ายปลายเตียงไม่ควรชี้ไปยังประตูห้องน้ำ จะทำให้เป็นโรคปวดเท้า หัวเข่าเสื่อม

- ตำแหน่งของเตียงไม่ควรชิดติด ตำแหน่ง มังกรเขียว (ด้านซ้าย) หรือติดกำแพงฝั่งด้านซ้ายมือจะไม่เป็นมงคล ขาดคนอุปถัมภ์ เพราะตำแหน่งมังกรเขียวก็คือผู้อุปถัมภ์

- ตำแหน่งเหนือเตียงนอนไม่ควรมีคาน ทั้งแนวยาวและแนวขวางล้วนไม่เป็นมงคล

- ตำแหน่งเตียงไม่ควรอยู่ใกล้หน้าต่าง และมีแสงแดดสาดส่องถึง หากแดดแรงเกินไป จะทำให้ชีวิตสมรสไม่สงบสุขการตกแต่งห้องหอ ควรเป็นแบบเรียบง่าย ไม่ควรตกแต่งจนหรูหรา หรือ ตกแต่งด้วยภาพวาดเชิงศิลป์ และไม่ควรแขวนภาพมากจนเกินไป

- ตำแหน่งเสือขาว ไม่ควรวางเครื่องเสีย จะทำให้ทะเลาเบาะแว้งได้ง่าย

- ตำแหน่งหัวเตียงทั้งสองด้าน ไม่ควรตั้งปะทะหรือชนกับประตูห้อง ทำให้จิตใจไม่สงบสุข

ต้นไม้ที่ปลูกแล้ว ดวงอาจตก



      การปลูก ต้นไม้ ตามหลัก ฮวงจุ้ย ก็มีความสำคัญเหมือนกันนะครับ นอกจากจะมีต้นไม้ที่ปลูกแล้วเสริมโชคลาภ เป็นมงคลแล้ว เรามาดูต้นไม้ที่ปลูกแล้วทำให้ดวงตก ดวงไม่ดี เพราะถ้าปลูก ต้นไม้ ผิดๆ ก็จะทำให้คุณอาจดวงตกได้ 

       หากช่วงนี้คุณกำลังมองหา ต้นไม้ มาแต่งสวนในบ้าน เพื่อความร่มรื่นสวยงาม ควรเลือกพันธุ์ไม้ให้ดี เพราะหากเลือก ต้นไม้ ไม่ดีแล้ว อาจจะทำให้ไม่เป็นมงคลต่อชีวิตคุณได้ มาดู ต้นไม้ ที่ไม่ควรปลูกกัน เพราะอาจจะทำให้ดวงตก

       1. ต้นรัก หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้นรักถึงไม่ควรปลูกไว้ในบ้านทั้งๆ ที่ชื่อก็ฟังน่าจะไปในทิศทางที่ดี แต่ตามความเชื่อโบราณเชื่อว่า ต้นรักจะทำให้ความรักยุ่งยากขึ้น และกลายเป็นคนมากรัก นอกจากนี้ ยางของต้นรัก หากไปสัมผัสโดนเข้าอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังได้

       2. ต้นมะละกอ จัดเป็นพืชล้มลุกที่มีชื่อไม่เป็นมงคลนัก บางคนเชื่อว่ามะละกอ เหมือนกับการแตกออกเป็นกอ หรือ "ละ" จากเผ่าจากกอ ส่งผลให้คนภายในบ้านไม่มีความสุข เพราะลูกหลานจะแตกแยกออกไปเป็นกลุ่มๆ มีความคิดที่ขัดแย้งกัน ทะเลาะเบาะแว้งจนหาความสุขไม่ได้ แต่ถ้าต้องการจะปลูกไว้รับประทาน ควรปลูกไว้ริมรั้วนอกบ้าน

       3. ต้นระกำ จากชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าระกำช้ำชอก เพราะฉะนั้นโบราณจึงถือว่าต้นระกำนั้น ไม่เป็นมงคล หากปลูกไว้ในบ้านจะนำความชอกช้ำ ระกำใจ มาให้อยู่ตลอดเวลา

       4. ต้นชวนชม มีความหมาย 2 นัย ด้วยกัน ทั้งดีและไม่ดี หากมองในด้านดี การปลูกต้นชวนชมเอาไว้ในบ้านจะส่งผลให้มีผู้คนมาชื่นชม นิยมยกย่อง กลายเป็นที่รักของคนทั่วไป แต่หากมองในแง่ร้าย ต้นชวนชมจะชักชวนให้คนมาเชยชม จึงไม่เหมาะที่จะนำมาปลูกภายในบ้านที่มีลูกสาววัยแรกรุ่น เพราะอาจจะเป็นการชักนำหนุ่มๆ ให้เข้ามาหาลูกสาวได้ เป็นการปูทางให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียขึ้น นอกจากนี้ ยางของต้นชวนชมค่อนข้างจะเป็นอันตราย หากไปสัมผัสโดนเข้า อาจเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน

       5. ต้นมะรุม เป็น ต้นไม้ ที่มาตั้งแต่โบราณ คนนิยมนำมาทำแกงส้ม ชื่อของต้นมะรุมจะไปคล้องจองกับคำว่า มะรุมมะตุ้ม ซึ่งจะมีแต่เรื่องไม่ดีมารุมกระหน่ำเข้ามาจนอยู่ไม่เป็นสุข

       6. ต้นชบา เรามักจะเห็นหลายๆ บ้านปลูกต้นชบา เพราะสีสันของดอกที่สวยสะดุดตา ทำให้บ้านดูสวยงาม แต่ในสมัยโบราณ ไม่นิยมปลูกต้นชบาเอาไว้ในบริเวณบ้าน เพราะดอกชบานั้น มักถูกนำไปใช้ในเรื่องร้ายๆ อย่างเช่น นำดอกชบามาร้อยเป็นพวง แล้วนำไปสวมคอหญิง-ชาย ที่เป็นชู้ หรือลักลอบได้เสียกัน กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเล่นชู้ รวมทั้งนำพวงมาลัยดอกชบาไปสวมคอนักโทษที่กำลังจะถูกประหารอีกด้วย

       7. ต้นโพธิ์ ไม่ใช่ ต้นไม้ อัปมงคล แต่ก็ไม่ควรนำมาปลูกในบ้าน เพราะเชื่อกันว่าต้นโพธิ์ เป็น ต้นไม้ ศักดิ์สิทธิ์ เหมาะสำหรับปลูกตามวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากกว่า

       8. ต้นงิ้ว ไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน เพราะเป็น ต้นไม้ ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการมีชู้ แต่หากปลูกตามสถานที่ที่เป็นองค์กร อาคารสำนักงาน หรือสวนอาหารบางแห่ง ก็ไม่เป็นไร เพราะงิ้วเป็น ต้นไม้ สูงใหญ่และดูงามตา

       9. ต้นเต่าร้าง เชื่อกันว่าหากสามีภรรยาคู่ใด ปลูกต้นเต่าร้างเอาไว้ในบ้าน อาจมีเรื่องต้องเลิกรากันไป เพราะชื่อของเต่าร้างแสดงความหมายไปในทางเลิกราหรือหย่าร้างกันอยู่แล้ว

       10. ต้นนางแย้มป่า ห้ามปลูกต้นนางแย้มป่าในบ้านโดยเด็ดขาด ตามความเชื่อนางแย้มป่าเป็นต้นไม้ที่มีภูตผีปีศาจสิงอยู่ หากปลูกไว้ภายในบ้าน วันดีคืนดี ต้นนางแย้มป่าจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ ทำร้ายรังแกผู้คนในบ้านให้หวาดผวาเสียขวัญ หรือเจ็บไข้ได้ป่วย

10 กฎ การวางตำแหน่งเตียงนอน ให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ย


ตำแหน่ง เตียงภายในห้องนอน หากตั้งไม่ตรงตำแหน่งที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ เนื่องจาก ร่างกายของคนเราจะมีสนามพลังที่เกิดจากการไหลเวียนภายในร่างกาย หากตำแหน่งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เมื่อนอนหลับ สนามพลังดังกล่าวก็จะหมุนเวียนได้คล่องตัวกับสนามแม่เหล็กของโลกนั่นเอง โดยตำแหน่งที่เหมาะสม ตามหลักฮวงจุ้ยจีน มีดังต่อไปนี้

       1. หลีกเลี่ยงการตั้งเตียงให้ตรงกับประตู เพราะทำให้คนภายนอกเห็นได้ง่าย อาจรบกวนความเป็นส่วนตัว จึงส่งผลต่อการพักผ่อน อีกทั้ง ประตู ยังเป็นทางผ่านของพลังลมด้วย เมื่อเตียงอยู่ตรงกับทางผ่านลม ร่างกายก็ย่อมได้รับผลกระทบไปเต็มๆ จึงไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างยิ่ง

       2. หลีกเลี่ยงการตั้งหัวเตียงอยู่ใกล้ประตู เพราะหากบังเอิญมีคนเดินผ่าน หรือเปิดประตูเข้ามา อาจทำให้การผักผ่อนของคุณเป็นไปอย่างสะดุด พักผ่อนไม่เต็มที่ เพราะอาจตกใจตื่นได้โดยง่าย

       3. ควรวางเตียงในแนวทิศเหนือใต้ ตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น การวางเตียงในแนวเหนือใต้เป็นการคล้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้เลือดหมุนเวียนสอดคล้องกับแรงโน้มถ่วง ส่งผลให้ผู้อาศัย นอนหลับได้ง่าย หลับอย่างสบาย และแน่นอนว่าส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย

       4. หลีกเลี่ยงการวางเตียงไว้ใต้คาน ตามตำราฮวงจุ้ยจีนโบราณ กล่าวว่า การวางเตียงที่นอนไว้ใต้คาน ทำให้เกิดความกดดัน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะบริเวณศรีษะ อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวเหมือนมีอะไรมากดทับ อาจส่งผลให้ล้มป่วยได้ง่าย

       5.หลีกเลี่ยงการนำอุปกรณ์แขวนมาไว้บนหัวเตียง อุปกรณ์ประเภทแขวน อย่างเช่น โคมไฟ พัดลม กรอบรูป หรืออื่นๆ ไม่ควรนำมาไว้บนหัวเตียง เนี่ยงจากทำให้เกิดแรงกดดันเช่นเดียวกับการไว้เตียงไว้ใต้คาน ส่งผลให้ผู้นอน ล้มป่วยได้ง่าย สุขภาพไม่ดี

       6. หลีกเลี่ยงการวางกระจกไว้หน้าเตียง อาจทำให้ผู้นอนเกิดภาวะจิตใจหดหู่ได้ อ่อนแอ และนอนหลับไม่สนิท

       7. หลีกเลี่ยงการวางเตียงตรงกับประตูห้องน้ำ หากประตูห้องนอนอยู่ตรงกับเตียง ทำให้ความชื้นส่งผลกระทบเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เมื่อร่างกายสัมผัสความชื้น ก่อให้เกิดการเจ็บป่วย ไม่สบาย ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรง อีกทั้ง หากมีการเข้าออกห้องน้ำ อาจทำให้ผู้นอน เกิดการนอนหลับไม่สนิทได้เช่นกัน

       8. หลีกเลี่ยงการปล่อยหัวเตีัยงให้โล่ง หัวเตียงเปรียบเสมือนความมั่นคง ตามหลัก ฮวงจุ้ยจีนโบราณ กล่าวว่า การหันหัวเตียงให้ชนกับผนัง เป็นการสร้างความมั่นคง แต่หากหัวเตียงโล่ง อาจทำให้ผู้อาศัย เกิดความไม่มั่นคงได้ และหากหันหัวเตียงอยู่ชิดติดเสา จะเเท่ากับว่า เตียงชิดผนังแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ก็ยังไม่เป็นตำแหน่งที่ดีตามหลัก ฮวงจุ้ย เช่นกัน

       9. หลีกเลี่ยงการวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ปลายเตียง เพราะถือว่า เป็นการแสดงความไม่เคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างร้ายแรง

       10. หลีกเลี่ยงการจัดวางเตียงไว้ใต้บันได ตามหลักฮวงจุ้ย ถือว่า การวางเตียงไว้ใต้บันได ไม่ต่างอะไรกับการไว้ไว้ใต้คาน ส่งผลกระทบเช่นเดียวกับการไว้ใต้คาน อีกทั้ง ยังส่งผลการรบกวน เมื่อมีผู้อื่นเดินผ่านบันได อาจส่งผลให้ผู้นอนอาศัย พักผ่อนอย่างไม่สนิท อีกทั้ง อาจทำให้ก่อเกิดฝุ่นล่วงหล่นกระจายอีกด้วย ทำให้ผู้อยู่อาศัย สุขภาพไม่แข็งแรง เกิดอาการภูมิแพ้ได้โดยง่าย

       สรุป การวางตำแหน่งเตียงนอน ให้ถูกต้องตามหลัก ฮวงจุ้ย จีนโบราณนั้น ให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก หากวางในตำแหน่งที่ถูกต้อง ก็จะส่งผลให้ผู้อยู่อาศัย มีสุขภาพกาย และใจ ที่แข็งแรงสมบูรณ์ ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ การพักผ่อนที่ดี ย่อมส่งผลต่อสภาพชีวิตที่ดี หากเราสังเกตุกันโดยง่าย วันใดก็ตาม ที่มีการพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอนหลับสนิท ตื่นมาวันรุ่งขึ้นเราจะมีสุขภาพจิตที่ดี พร้อมที่จะลุยกับทุกๆ สถานการณ์ จะดีแค่ไหน หากเป็นเช่นนั้น ทุกๆ วัน

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การเลือกสีห้องครัว สำหรับคนธาตุดิน


ห้องครัว ตัวแทนของการทำมาหากิน ความสามารถในการแข่งขัน (ด้านการทำมาหากิน) ความแข็งแรงสมบูรณ์ของสุขภาพร่างกาย(จากคุณภาพของอาหารบำรุงเลี้ยง) ตัวแทนของผู้เป็นแม่หรือนายผู้หญิงของบ้าน

สีห้องครัวในกลุ่มธาตุดิน : เพื่อแปรธาตุไฟให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิต และธุรกิจการงาน เสริมเรื่องความสามัคคี ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง สุขภาพที่แข็งแรง ความมั่งคั่งและมั่นคง เหมาะกับห้องครัวที่ตั้งอยู่ในทิศใต้ ทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของบ้าน เช่น สีน้ำตาลแดง สีเหลืองอ่อน สีครีมไข่ไก่

หมายเหตุ สีต้องห้ามในครัว คือ สีธาตุน้ำ (ดำ ฟ้า น้ำเงิน) เพราะจะเกิดการปะทะของพลังอย่างรุนแรง พลังแห่งธาตุไฟ ทำให้การทำมาหากินอ่อนแรง ธุรกิจหน้าที่การงานไม่ประสบความสำเร็จ


การเลือกสีห้องครัว สำหรับคนธาตุไม้




ห้องครัว ตัวแทนของการทำมาหากิน ความสามารถในการแข่งขัน (ด้านการทำมาหากิน) ความแข็งแรงสมบูรณ์ของสุขภาพร่างกาย(จากคุณภาพของอาหารบำรุงเลี้ยง) ตัวแทนของผู้เป็นแม่หรือนายผู้หญิงของบ้าน

สีห้องครัวในกลุ่มธาตุไม้ : เพื่อเสริมธาตุไฟของครัวให้การทำมาหากินแข็งแรงกว่านี้ มีความกระตือรือร้น เกิดความเจริญรุ่งเรือง ความมั่งคั่งร่ำรวย สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ มีการฟื้นตัว มีการเจริญเติบโตที่ดี เช่น สีเขียวออ่น สีเขียวใบไม้ สีน้ำตาลไม้ สีน้ำตาลอ่อน

หมายเหตุ สีต้องห้ามในครัว คือ สีธาตุน้ำ (ดำ ฟ้า น้ำเงิน) เพราะจะเกิดการปะทะของพลังอย่างรุนแรง พลังแห่งธาตุไฟ ทำให้การทำมาหากินอ่อนแรง ธุรกิจหน้าที่การงานไม่ประสบความสำเร็จ


ฤกษ์ออกรถใหม่ ปี 2556



คนรุ่นใหม่มักไม่ใส่ใจฤกษ์ยาม จะยึดตามความสะดวกที่ขึ้นอยู่กับความพอใจส่วนตัว แม้จะซื้อของ ออกรถ หรือจดทะเบียนสำคัญๆ 

ไม่ซื้อรถวันอาทิตย์ มีความเชื่อว่า ใครซื้อรถในวันอาทิตย์ จะทำให้มีเรื่องร้อนใจหรือต้องเดือดร้อนมากแนะนำว่าควรรีบขายทิ้งแล้วค่อยซื้อใหม่

ควรซื้อรถวันจันทร์ มีความเชื่อว่า ใครซื้อรถในวันจันทร์มักโชคดีได้ลาภอยู่เสมอ ทำธุรกิจหรือค้าขายมีกำไรมากอาจมีลาภลอยมาหาอย่างคาดไม่ถึง

ไม่ซื้อรถวันอังคาร มีความเชื่อว่า ใครซื้อรถในวันอังคารมักจะมีเรื่องเดือดร้อน เป็นทุกข์มีปัญหาทำให้เสียเงินทอง (บางรายประสบอุบัติเหตุขั้นร้ายแรง)

ไม่ซื้อรถวันพุธ มีความเชื่อว่า ใครซื้อรถในวันพุธมักจะมีปัญหาต่างๆ ต้องเป็นหนี้สินเขาตลอด

ไม่ซื้อรถวันพฤหัสบดี มีความเชื่อว่าถ้าซื้อรถในวันครูจะทำให้ธุรกิจการค้าเกิดปัญหา มีอุปสรรคไม่คล่องตัวที่สำคัญอาจเกิดเรื่องในครอบครัว เช่น คู่สมรสคบชู้

ควรซื้อรถวันศุกร์ มีความเชื่อว่า ใครซื้อรถในวันศุกร์มักมีโชคมีลาภอยู่เสมอ ทำการอะไรก็สะดวกอย่างน่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะจะมีลาภและยศกำลังรอท่านอยู่

ไม่ซื้อรถวันเสาร์ มีความเชื่อว่า ถ้าซื้อรถวันเสาร์ ถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุถึงกับชีวิต

ไม่ซื้อรถวันพระ เป็นความเชื่อมาตั้งแต่โบราณ ไม่ให้ซื้อรถซื้อเรือในวันพระ เพราะอาจจะทำให้ไม่สบายหรือล้มป่วยได้ ศัตรูหรือคู่แข่งจะพากันอิจฉาและอาฆาต

Tips

คนที่เกิดวันอาทิตย์ วันที่ควรซื้อหรือจองรถมีเพียงวันเดียวคือ วันจันทร์ (ส่วนวันศุกร์นั้นเป็นวันกาลกิณี ต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ให้หลีกเลี่ยงซะ)

คนที่เกิดวันอังคาร วันที่ควรซื้อรถหรือจองรถมีเพียงวันเดียวคือ วันศุกร์ (ส่วนวันจันทร์นั้นเป็นวันกาลกิณีต่อให้ฤกษ์ดีอย่างไรก็ไร้ผล ให้หลีกเลี่ยงเสีย)

สีของเพดาน ตามหลักฮวงจุ้ย


โดยหลักฮวงจุ้ยแล้วนั้น ถ้าเราถือว่าเพดานเป็น ฟ้า การที่จะทำให้ห้องสมบูรณ์ได้ควรที่จะมีทั้งส่วนของพื้นโลกและเพดาน ดังนั้นการเลือกสีสันห้องนั่งเล่นให้เหมาะกับเพดานก็คือการเลือกสีอ่อน

ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้าซึ่งอีกความหมายก็คือ ท้องฟ้า หรือการเลือกใช้สีขาวซึ่งหมายถึงก้อนเมฆก็ล้วนแต่แสดงความหมายที่ดีทั้งนั้น และพื้นห้องที่สำคัญควรเป็นสีที่เข้ม อย่างน้อยต้องเข้มกว่าสีเพดานเพื่อแยกแยะให้ชัดเจนถึงส่วนที่เป็นพื้นและเป็นเพดาน

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือการเลือกใช้สีที่เข้มบนเพดาน และสีอ่อนของพื้น เพราะจะทำให้ดูเป็นห้องที่หนักและไม่มีอะไรรองรับ ถ้าส่วนอื่นของห้องนั่งเล่นไม่มีไฟ หรือแสงสว่างจากข้างนอก ขอแนะนำให้ติดตั้งไฟซ่อนอยู่ข้างในช่องที่เป็นเวิ้งของเพดาน เพราะจะได้ช่วยให้มีแสงสว่างเพิ่มในเวลากลางวัน และไม่รบกวนตำแหน่งการวางของโคมไฟคริสตัล

ขอบคุณเนื้อหาจาก Thaihomeonline

ฮวงจุ้ย ห้องนั่งเล่นกับเสาและคาน



คุณจะทำอย่างไรเมื่อบ้านมีส่วนเสาหรือคานที่เห็นชัดเจนในห้องนั่งเล่น ?... เนื่องจากทั้งเสาและคานเป็นส่วนประกอบด้านโครงสร้างเพื่อหนุนให้ตัวบ้านทรงตัวอยู่ได้ ซึ่งในหลักฮวงจุ้ยแล้วถือว่าเป็นตัวแบกรรับภาระของตึก เป็นสิ่งสำคัญ แต่ดีที่สุดต้องไม่เห็นส่วนประกอบทั้งสองนี้อย่างชัดเจน ดังนั้นถ้ามีการก่อสร้างที่ดี ก็จะช่วยอำพรางหรือบังเสาและคานไปได้

เมื่อพูดถึงคาน การก่อสร้างและตกแต่งห้องนั่งเล่น แน่นอนว่าถ้าส่วนที่เป็นคานเห็นออกมาชัดเจน ก็ควรที่จะมีการแก้ไข ในขณะเดียวกัน สำหรับผู้อยู่อาศัย บริเวณที่ควรหลีกเลี่ยงไปนั่งมากที่สุด ก็คือบริเวณที่อยู่ข้างเสา เพราะการที่นั่งข้างเสา จะบ่งบอกได้ชัดเจนมากว่าจริงๆแล้วคุณนั่งอยู่ใต้คานนั่นเอง (โดยเฉพาะบางบ้านที่วางโซฟาติดกับตัวเสา ถ้าเป็นไปได้ ควรเปลี่ยนแปลง)

ฮวงจุ้ยห้องนั่งเล่น เกี่ยวกับเสาและคาน

ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่การที่คุณวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นแทน เช่น ตู้หนังสือ ตู้โชว์ ก็จะเป็นการช่วยบรรเทาภาระนี้ นอกจากนี้ ถ้าเสานั้นติดกันกับตัวผนัง ก็จะเป็นการดีถ้ามีการนำตู้มาวางไว้บดบัง เพื่อให้ไม่เห็นชัดเจน

และถ้าเป็นเสาที่อยู่โดดๆ แม้จะไม่ไกลจากผนัง ก็ควรที่จะมีการหาตู้เก็บของซึ่งไม่ใหญ่มากนักมาวางระหว่างช่อง และเว้นช่องให้อากาศถ่ายเท ทั้งนี้ก็เพื่อถือว่าเป็นการเชื่อมเสานั้นเข้ากันกับกำแพงและยังมีช่องให้อากาศถ่ายเทด้วย

นอกเหนือจากนี้อาจจะเลือกใช้ ต้นไม้ การใช้ภาพแขวน หรือแม้กระทั่งการใช้สิ่งของตกแต่งอื่นๆ เพื่อไม่ให้ช่องว่างระหว่างเสาดูชัดเจนเกินไป แต่ถ้าตัวตู้เก็บของเป็นชิ้นใหญ่ และบดบังวิสัยทัศน์ คุณก็สามารถติดตั้งไฟเพิ่ม เพื่อเป็นการสร้างมิติให้กับห้อง แล้วก็ยังช่วยเสริมฮวงจุ้ยด้วย

ในกรณีที่เสาอยู่ห่างจากตัวผนังมาก ควรที่จะเปลี่ยนมุมมอง โดยการใช้เสาเป็นจุดศูนย์กลางหรือเป็นตัวช่วยแบ่งเขตการใช้งาน โดยอาจจะมีการนำพรมมาวางเพื่อแบ่งแยกเขต ส่วนอีกด้านหนึ่งอาจจะมีการตกแต่งด้วยหิน การที่เราแนะนำแบบนี้ ก็เพื่อให้ผู้อยู่อาศัย แทนที่จะมองจ้องไปที่เสาแล้วเป็นสิ่งแปลกปลอม กลับเป็นสิ่งที่ดูกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมห้องนั่งเล่นนั้นๆ



ขอบคุณเนื้อหา Thaihomeonline

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ฮวงจุ้ย 3 ข้อ ที่ควรรู้ก่อนซื้อคอนโด


        
          ฮวงจุ้ย (Feng Shui) หมายถึงการอยู่อาศัยของมนุษย์ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ คติชาวจีนอันนี้ใกล้เคียงกับหลักการออกแบบทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่มีสอนกัน อยู่ในปัจจุบัน เพียงแต่การอ้างอิงหลักการและเหตุผลนั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่และเวลา นั่นเอง

           หลักของฮวงจุ้ยมาจากคำว่า ลม (ฮวง) และน้ำ (จุ้ย) ออกเสียงตามสำเนียงจีนแต้จิ๋ว อาศัยหลักการไหลเวียนของพลังงานที่มีอยู่บนผืนโลก (ซี่) โดยนักพยากรณ์ฮงจุ้ยต้องอ่านพลังงานของซี่ให้แตกฉานถึงแหล่งที่มาที่ไปการนำ เข้าการทำลายการไม่ปิดกั้นซี่ที่ดีลากรการถ่ายเทซี่ที่เสียให้ออกไปไกล ๆ

           สภาพแวดล้อมตามหลักฮวงจุ้ยนั้น แตกต่างและไม่เหมือนกันเลยในแต่ละเขตของโลก สภาพภูมิอากาศรวมไปถึงพิธีกรรม ล้วนมีบทบาทกับฮวงจุ้ยในแต่ละประเทศ นักพยากรณ์ที่ดีจำเป็นต้องศึกษาและรู้จักปรับคำทำนายให้เหมาะสมในแต่ละสถาน ที่ เพราะพื้นที่ (Space) มีผลทางจิตวิทยากับอารมณ์ เพราะพื้นที่ (Space) มีผลทางจิตวิทยากับอารมณ์ (Mood) ของมนุษย์ มีการใช้ดวงชะตา ดวงดาวบนท้องฟ้าหรือแม้กระทั่ง วัน เดือน ปีเกิด มาร่วมในการกำหนดทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ในแง่ของจิตใจที่จะมีผลต่อเจ้าของ สถานที่นั้น ๆ นั่นเอง
           สำหรับหลักการเลือกที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียมให้สอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ย มีรายละเอียดที่แตกต่างกับการเลือกบ้านที่อยู่อาศัยทั่วไปหลายประเด็น หลักในการพิจารณาที่สำคัญพอจะแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อดังต่อไปนี้

            1. สภาพแวดล้อม เรา จะพิจารณาแค่ห้องที่เราต้องการจะซื้อเพียงห้องเดียวไมได้ เพราะห้องเราเป็นส่วนหนึ่งของคอนโดฯ ทั้งหลัง ถ้าคอนโดฯ มีฮวงจุ้ยที่ดีแล้ว ห้องทั้งหมดก็จะได้รับผลดีไปด้วย หลักการดูและพิจารณาอย่างง่าย ๆ มีดังต่อไปนี้
            - ควรอยู่ใกล้แหล่งชุมชน ไม่อยู่โดดเดี่ยวหลังเดียว
            - คอนโดฯ ไม่ควรอยู่ห่างถนนใหญ่มากเกินไป
            - ลักษณะสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ดีรอบคอนโดฯ เช่น ทางด่วนพาดผ่าน ทางรถไฟ เสาไฟฟ้าแรงสูง หรือเสาโทรคมนาคมขนาดใหญ่
            - คอนโดฯ ที่ดีต้องมีรูปทรงอาคารที่ไม่มีเหลี่ยมมุมพุ่งเข้าหาอาคารรอบ ๆ แบบรุมแรง และอย่างตั้งใจ
            - ตัวอาคารต้องไม่อยู่ท่ามกลางความแออัดของอาคารสูงโดยรอบ
            - สถานที่ตั้งต้องไม่ติดวัด ศาสนสถาน ป่าช้า หรืออยู่ด้านทิศใต้ของอาคารเหล่านี้

            2. ตำแหน่งที่ตั้งของห้อง การดูทิศถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก
            - ด้านเหนือ แสงนวลตา แต่อับลม
            - ด้านใต้ รับลมสบาย ๆ
            - ด้านตะวันออก รับแสง ไม่ร้อนแรงในตอนเช้า
            - ด้านตะวันตก รับแสงที่ร้อนแรง และอบอ้าวในตอนบ่าย
           ดังนั้นจะเห็นว่าด้านที่ดีที่สุด ก็คือด้านตะวันออกกับด้านใต้ ซึ่งทั้งสองด้านนี้จึงมักจะถูกเลือกและถูกจองหมดในเวลาอันรวดเร็ว

            3. การหาตำแหน่งห้องที่ดี ถ้า เราไม่สามารถจะเลือกห้องที่อยู่ในทิศที่ดีดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น การพิจารณาเลือกห้องด้านอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติที่ดีและสำคัญในอีกรูปแบบ ก็ยังสามารถทำได้ก็คือ
            - เลือกห้องที่ไม่มีอาคารอื่นบิดบัง ไม่ไกลจากบันไดหนีไฟ หรือประตูห้องต้องไม่ตรงกับลิฟต์โดยสาร
            - เลือกห้องใกล้สวน สระว่ายน้ำ
            - เลือกห้องที่มีทิศนียภาพสวยงามตามธรรมชาติ เช่น วิวแม่น้ำ ภูเขา หรือทะเล

           หลักทั้ง 3 ข้อนี้เป็นหลักง่าย ๆ เบื้องต้นในการเลือกทำเลที่ตั้งและเลือกห้องของคอนโดมิเนียม ยังมีหลักอื่น ๆ ที่ซับซ้อนกว่าและอาศัยหลักความเชื่อโบราณเป็นตัวกำหนด เช่น การพิจารณาจาก วัน เดือน ปีเกิด ดวงชะตา เพศของผู้ซื้อ ฯลฯ ผมอยากจะแนะนำว่าการนำเรื่องของดวงชามาผูกกับการพิจารณาการเลือกที่อยู่ อาศัยนั้น ควรเป็นแค่ปัจจัยเสริมมากกว่าจะเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ ผู้ซื้อควรพิจารณาจากสภาพแวดล้อมของภูมิประเทศ (ชัยภูมิ) เป็นหลักเพราะนั่นคือการตัดสินใจที่ถูกต้องและดีที่สุดแล้วนั่นเอง

การเลือกทิศคอนโด ให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ย



     การดูดวงชะตาเป็นปัจจัยเสริมของการดูฮวงจุ้ย โดยมีน้ำหนักเพียง 15% เรื่องสำคัญคือการดูชัยภูมิ อย่างไรก็ตามการหาตำแหน่งที่ถูกโฉลกกับเจ้าของห้อง ก็มีวิธีพิจารณาโดยใช้ปีเกิดกับทิศทางที่สมพงศ์กัน เพื่อ ตัดสินใจว่าควรจะเลือกคอนโดฯในทิศทางใด คือ

     1. ปีกุนและปีชวด (ธาตุน้ำ) ทิศถูกโฉลก คือ ทิศเหนือ , ตะวันตก, และตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศต้องห้าม คือ ตะวันออกเฉียงเหนือ, ตะวันตกเฉียงใต้

     2. ปีขาลและปีเถาะ (ธาตุไม้) ทิศถูกโฉลก คือ ทิศตะวันออก, ตะวันออกเฉียงใต้, เหนือ ทิศต้องห้าม คือ ทิศตะวันตก ตะวันตกเฉียงเหนือ

     3. ปีมะเส็งและมะเมีย (ธาตุไฟ) ทิศถูกโฉลก คือ ทิศใต้, ตะวันออก, ตะวันออกเฉียงใต้ ทิศต้องห้าม คือ ทิศเหนือ

     4. ปีวอกและระกา (ธาตุทอง) ทิศถูกโฉลก คือ ตะวันตก, ตะวันตกเฉียงใต้ ,ตะวันออกเฉียง เหนือ ทิศต้องห้าม คือ ทิศใต้

     5. ปีฉลู มะโรง มะแม จอ (ธาตุดิน) ทิศถูกโฉลก คือ ตะวันออกเฉียงเหนือ, ตะวันตกเฉียงใต้,ทิศใต้ ทิศต้องห้าม คือ ทิศตะวันออก, ตะวันออกเฉียงใต้

      เมื่อรู้ตำแหน่งทิศแล้ว จากนั้นจึงเลือกห้องคอนโดฯ โดยต้องหาจุดกึ่งกลางของคอนโดฯ ให้ได้แล้งจึงแบ่งออก เป็น 8 ทิศหลักดังกล่าวข้างต้น

รูปทรงคอนโด มีผลต่อฮวงจุ้ย







ใน ยุคสมัยที่คอนโดมิเนียมกำลังได้รับความนิยม แน่นอนว่าหนึ่งในเป้าหมายการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยสักแห่ง จะต้องมีคอนโดมิเนียมรวมอยู่ด้วยแน่ ๆ บางคนอาจจะซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย ในขณะที่หลายคนเลือกซื้อเก็บไว้ปล่อยเช่า ซึ่งหลักในการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมสักแห่งก็คงหนีไม่พ้นปัจจัยหลักอย่าง ทำเล, ราคา หรือสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นต้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ฮวงจุ้ยเองก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน

 คอนโดรูปตัวแอล

            หากจะเลือกซื้อห้องชุดในคอนโดที่เป็นรูปตัวแอล ควรเลือกห้องที่อยู่ทางด้านฐานของตัวแอลจึงจะดี แต่ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาคารรูปตัวแอลเป็นลักษณะที่ปราศจากพลังงานแห่งโชคลาภ

 คอนโดรูปตัวยู

            คอนโดที่มีรูปทรงคล้ายตัวยู ก็ถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่ให้คุณนัก แต่ถ้าจำเป็นต้องเข้าอยู่อาศัย ขอให้พยายามเลือกห้องที่อยู่ทางด้านส่วนฐานของตัวยู อย่าเลือกห้องที่อยู่ทางฝั่งปีกทั้งสองด้าน

 คอนโดหลายอาคาร

            คอนโดมิเนียมบางแห่งเป็นอาคารหลายหลังอยู่ในบริเวณเดียวกันและมีความสูงเท่า ๆ กันหมด การเลือกซื้อห้องชุดขอให้เลือกคอนโดหลังที่อยู่ตรงกลาง โดยมีอาคารหลังอื่น ๆ ขนาบข้างเป็นบริวาร แต่หากไม่สามารถเลือกหลังกลางได้ ให้เลือกหลังใดก็ได้ที่อาคารอื่น ๆ ขนาบ ข้างเสมือนบริวารควรหลีกเลี่ยงหลังแรกสุดกับท้ายสุด

 ความสูงของตึกข้างเคียง

            ถ้ามีคอนโดหรือตึกแถวอยู่แวดล้อม ต้องสังเกตด้วยว่าความสูงของตึกในบริเวณข้างเคียงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ตึกข้างหลังหากสูงกว่าตึกของเราถือว่าดี เพราะเปรียบเสมือนมีภูเขาสูงด้านหลังเป็นที่พึ่งพิง ตึกทางด้านซ้าย-ขวาที่ขนาบตึกของเราอยู่ ควรมีความสูงเท่ากัน เพื่อเปรียบเสมือนมีผู้คุ้มกัน เมื่อเข้าอยู่อาศัยแล้ว จะทำสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จ ตึกทางซ้ายหากมีความสูงกว่าตึกทางขวาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าตึกด้านขวาสูงกว่าถือว่าไม่ดี

 คอนโดที่ตั้งอยู่ลำพัง

            ตึกแถวหรือคอนโดที่ตั้งอยู่โดด ๆ กลางพื้นที่ว่าง โดยไม่มีตึกอื่น ๆ มาตั้งอยู่ใกล้เคียง อาจดูดีเพราะไม่บดบังทิศทางลมและทัศนียภาพ แต่ความจริงแล้วอาคารสูงในลักษณะดังกล่าว บ่งบอกถึงลักษณะแห่งความไร้อำนาจบารมี ผู้เข้าอยู่อาศัยจะได้รับพลังแห่งความโดดเดี่ยว ทำสิ่งใดมักไม่ได้รับความสนับสนุนและความร่วมมือเท่าที่ควร

 ลักษณะอื่น ๆ

            ถ้าไม่สามารถหารูปทรงคอนโดที่เหมาะสมได้ก็ขอให้เลือกคอนโดรูปสี่เหลี่ยมผืน ผ้า ซึ่งเป็นรูปทรงของอาคารสูงทั่ว ๆ ไป นั่นเอง ข้อสำคัญคือ อย่าเลือกคอนโดรูปทรงแปลก ๆ แม้ว่าจะดูสวยหรือทันสมัยเพียงใดก็ตาม รูปทรงแปลก ๆ นั้นล้วนแต่ไม่ใช่ลักษณะที่ให้โชคลาภแต่อย่างใด

            นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงคอนโดรูปทรงเว้า ๆ แหว่ง ๆ เช่น รูปทรงหกเหลี่ยม หรือแปดเหลี่ยม ซึ่งจะเหมาะกับสถานที่ราชการหรือโรงแรมมากกว่า ขณะที่คอนโดควรเต็มทุกเหลี่ยมทุกมุม เพื่อให้เกิดความมั่นคงและสงบสุขในการอยู่อาศัย

เสริมโชคด้านการเรียน ด้วยฮวงจุ้ยห้องพัก




ฮวงจุ้ย คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของการตกแต่งบ้านให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ในปัจจุบันจึงมีคนนิยมเอาศาสตร์ฮวงจุ้ยมาช่วยเสริมในการตกแต่งบ้านให้ร่ม เย็นเป็นสุข ทั้งการอยู่อาศัยในบ้าน ที่ทำงาน รวมไปถึงนักเรียนกับนักศึกษาที่ต้องอาศัยอยู่ในหอพักด้วย หากการอ่านตำราเรียนยังไม่พอให้สบายใจในผลการเรียน ลองมาจัดแต่งฮวงจุ้ยหอพักใหม่ เพื่อเสริมโชคเรื่องการเรียนกันดูดีกว่า

 1. ขจัดความเครียดด้วยหนังสือ

          การนำหนังสือมาอ่านในห้องนอนเป็นเรื่องที่ดีอยู่ แต่ทั้งนี้ควรจะจัดที่วางให้เหมาะสมด้วย เนื่องจากมุมของหนังสือมีลักษณะแหลมคม ถ้านำมาวางไว้ด้านตรงข้ามกับเตียงนอนจะทำให้นอนหลับไม่สนิท ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรจะจัดไว้ด้านข้างของเตียงจะดีกว่า นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมุมแหลม อย่างเช่น โทรทัศน์ โน้ตบุ๊ค หรือคอมพิวเตอร์ ด้วย แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ หลังจากที่อ่านหรือใช้อุปกรณ์เหล่านั้นเสร็จแล้ว ให้นำผ้ามาคลุมปิดไว้ ก็จะช่วยให้นอนหลับได้เต็มอิ่มมากขึ้น

 2. ส่งเสริมความคิดด้วยสี

          การเรียนเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นคงจะดีกว่าหากได้พักผ่อนท่ามกลางสีสัน ซึ่งตามหลังฮวงจุ้ยนั้นแบ่งลักษณะของสีออกเป็น  2 แบบคือ โทนสีร้อน อันได้แก่ แดง เหลือง ส้ม สีเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกตื่นตัวอยู่เสมอ ส่วนโทนสีเย็น อย่าง เขียว น้ำเงิน ม่วง เหมาะสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศผ่อนคลายสบาย ๆ ไม่วุ่นวายมากนัก แต่ถ้าหากใครที่ต้องการจะผสมผสานทั้งสองโทนก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยอาจจะเลือกใช้โทนสีอบอุ่นในส่วนของที่พัก และใช้โทนสีร้อนกับโต๊ะหนังสือก็ได้

 3. น้ำพุเทียมเสริมพลังชี่

          น้ำเป็นธาตุสำคัญสำหรับศาสตร์ฮวงจุ้ย เพราะจะช่วยให้พลังชี่หมุนเวียนได้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นในห้องพักควรจะนำน้ำพุเทียมมาประดับเอาไว้ด้วย จะเป็นขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็กก็ได้หากมีที่ว่างมากพอ แต่ถ้าไม่สามารถหาจุดวางได้ให้ใช้รูปปั้นเล็ก ๆ ที่มีน้ำหมุนเวียนอยู่ มาตั้งไว้แทน หรือจะเป็นตู้ปลาก็ได้ และเสียงของน้ำยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วย

 4. ต้นไม้เพิ่มความสดชื่น

          ในวันที่เจอเรื่องแย่ ๆ มาไม่ว่าอะไรก็ดูไม่เป็นใจไปเสียหมดอย่าเพิ่งท้อแท้ หรือหมดกำลังใจไปก่อน ลองหาต้นไม้หรือดอกไม้มาประดับห้องดูบ้าง แล้วความรู้สึกไม่ดีเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ จางหายไป อย่างเช่น ดอกไม้สีเหลือง เหมาะกับคนที่กำลังเจอปัญหาหนักอกหนักใจ ส่วนคนที่อยากจะไปให้ถึงฝันควรจะเสริมดวงด้วยดอกไม้สีขาว ส่วนสีเขียวของไม้ประดับต่าง ๆ ก็จะช่วยให้โชคดีในการเรียนมากขึ้น เป็นต้น

 5. กระจกช่วยกระตุ้นการเรียน

          การตกแต่งห้องด้วยกระจกนั้นไม่ได้ทำให้ดูกว้างขวางมากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้ภายในห้องมีความสว่างมากขึ้นด้วย และนอกจากนี้หากนำกระจกไปประดับไว้ในหอพักของนักเรียนนักศึกษายังเป็นการ เสริมพลังชี่ให้หมุนเวียนมากขึ้นด้วย โดยสามารถนำกระจกไปประดับได้ทุกที่ ยกเว้นบริเวณด้านตรงข้ามปลายเตียงนอน เพราะจะทำให้ผิดหลักฮวงจุ้ยไปในด้านลบเสียมากกว่า

 6. โต๊ะเสริมการเรียน

          การจัดวางตำแหน่งของโต๊ะนั้นก็มีผลต่อการเรียนเช่นกัน ฉะนั้นจึงไม่ควรวางโต๊ะตามใจชอบเพียงอย่างเดียว แต่ควรจะพิจารณาถึงทิศทางของโต๊ะด้วย โดยตำแหน่งที่ถูกต้องนั้นควรจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และให้ด้านหลังของพนักเก้าอี้หันเข้าหากำแพงจึงจะถือว่าเหมาะสม เพราะการจัดวางโต๊ะในลักษณะนี้จะช่วยให้อุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มีความมั่นคงมากขึ้น ส่วนสิ่งของต่าง ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะโดยเฉพาะหนังสือ ควรจัดไว้ด้านซ้าย จะช่วยพัฒนาความรู้ได้มากขึ้น

 7. เตียงนอนเพิ่มความสุข

          การจัดวางเตียงนอนควรอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง โดยไม่ควรวางเตียงนอนตรงกับประตู เนื่องจากทำให้พลังงานด้านลบจากภายนอกเข้ามาในห้องได้ และควรจัดหัวเตียงให้ชิดกับผนัง ส่วนเครื่องนอนต่าง ๆ ทั้งปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียงควรจะเลือกชุดที่มีเนื้อผ้านุ่ม ไม่หนา หรือแข็งจนเกินไป จะส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขกับการเรียนมากขึ้น

 8. เป็นระเบียบเลี่ยงความวุ่นวาย

          หากสงสัยว่าทำไมการเรียนของตัวเองไม่ราบรื่นและมีความสุขเหมือนคนอื่น ๆ บ้าง คงถึงเวลาที่ต้องกลับมาจัดของในห้องให้เป็นระเบียบบ้างแล้ว เพราะหลักฮวงจุ้ยนั้นบอกว่า สิ่งของรก ๆ ภายในห้องก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจหากคนที่เก็บของเป็นที่เป็นทางจะเจอเรื่องแย่ ๆ น้อยกว่าคนที่วางของไม่เป็นระเบียบ และหากมีของที่ไม่ใช้แล้ว อย่างเช่น หนังสือ หรือเสื้อผ้า ก็ควรจะนำไปบริจาคบ้างจะช่วยให้รู้สึกมีความสุขมากขึ้น

 9. เพิ่มพลังด้วยแสงสว่าง

          แสงสว่างเป็นอีกเรื่องหนึ่งสำคัญที่ควรใส่ใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในวัยที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และพลังในการเรียน ดังนั้นควรเปิดหน้าต่างให้แสงจากภายนอกส่องผ่านเข้ามาอยู่เสมอ แต่ในกรณีที่เป็นห้องอับไม่มีหน้าต่าง หรือมีแสงสว่างจำกัด ก็ควรเปิดไฟภายในห้องให้ส่องสว่าง พร้อมกับเสริมด้วยพรมลายดอกไม้ เพื่อเรียกความสดใสและเพิ่มพลังสำหรับการเรียนรู้ให้กับตัวเอง