วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บ้านเดี่ยว หรือ คอนโด ดีกว่ากัน



จะเลือกซื้อทั้งที  หลายคนยังเลือกไม่ถูกระหว่างบ้านเดี่ยวกับคอนโดฯ  ลองมาดูสถิติจาก REIC ว่า คนเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่สนใจบ้านแบบไหน

REIC สรุปยอดผู้เข้าชมและลงทะเบียนในงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 24 เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สาระสำคัญมีคนพักอาศัยในบ้านเดี่ยวมาเยี่ยมชมงานสูงสุด 35% โดยภาพรวมทั้งงาน ผู้ตอบแบบสอบถามต้องการซื้อบ้านเดี่ยวสูงสุด 44% รองลงมาคือคอนโด 29%

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC)  กล่าวว่า REIC ได้ให้บริการลงทะเบียนผู้เข้าชมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 24 ซึ่ง 3 สมาคม หลักด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมกันจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในระหว่างวันที่ 10-13 มีนาคม 2554 โดยได้วิเคราะห์เชิงลึก ดังนี้

1.ข้อมูลทั่วไป ร้อยละ 59 ของผู้ลงทะเบียนเข้าชมงาน เป็นกลุ่มซึ่งไม่เคยเข้าชมมาก่อน โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 56 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 44 เป็นเพศชาย ผู้ที่แสดงสถานะว่าเป็นโสดมีมากถึงร้อยละ 70 แสดงสถานะว่าแต่งงานแล้วมีร้อยละ 30 อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35 ปี โดยกลุ่มอายุ 21-30 ปีมีมากที่สุด คือร้อยละ 31 ของทั้งหมด และกลุ่มอายุ 31-40 ปีมีร้อยละ 23 ส่วนใหญ่ร้อยละ 55 มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน รองลงเป็นเจ้าของกิจการ มีร้อยละ 15 อาชีพรับราชการร้อยละ 9 พนักงานรัฐวิสาหกิจร้อยละ 5 ที่เหลือมีอาชีพอื่นๆหรือเป็นนิสิตนักศึกษา ด้านรายได้ของครอบครัวต่อเดือน พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 32 มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท และอีกร้อยละ 29 มีรายได้ 30,001-50,000 บาท รวมประมาณร้อยละ 61 มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน

2.สถานะของบ้านที่อยู่อาศัยใน ปัจจุบัน ผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ คือร้อยละ 70 มีที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร รองลงมา คือ นนทบุรีร้อยละ 6 หากรวมกรุงเทพฯและ 5 จังหวัดปริมณฑลจะมีประมาณร้อยละ 85

ลักษณะที่ อยู่อาศัย ร้อยละ 35 เป็นบ้านเดี่ยว ร้อยละ 18 เป็นทาวน์เฮ้าส์ และร้อยละ 14 เป็นคอนโดมิเนียม อนึ่ง น่าสังเกตว่า มีผู้ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นต์หรือหอพักมากถึงร้อยละ 17 ซึ่งเป็นกลุ่มที่อาจมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง

จำนวนผู้อยู่ อาศัยในบ้านร้อยละ 60 อยู่ประมาณ 2-4 คน โดยร้อยละ 23 มีผู้อยู่อาศัย 2 คน ร้อยละ 16 มีผู้อยู่อาศัย 3 คน และร้อยละ 21 มีผู้อยู่อาศัย 4 คน ส่วนมากร้อยละ 43 อาศัยอยู่ในบ้านปัจจุบันมาแล้วนานกว่า 10 ปี และร้อยละ 31 อยู่มาไม่เกิน 3 ปี อีกร้อยละ 18 อยู่ประมาณ 4-6 ปี

3.บ้านที่ต้อง การซื้อในอนาคต พบว่า ประมาณร้อยละ 44 ต้องการซื้อบ้านเดี่ยว อีกร้อยละ 29 ต้องการซื้คอนโดมิเนียม และร้อยละ 18 ต้องการซื้อทาวน์เฮ้าส์ ทั้งนี้ ร้อยละ 42 มีงบประมาณซื้อบ้านระดับ 1.1-2 ล้านบาท และร้อยละ 24 มีงบประมาณ 2.1-3 ล้านบาท

เงินก้อนหลักที่ใช้ซื้อบ้านประมาณร้อยละ 78 มาจากการขอกู้เงินสถาบันการเงิน ขณะที่ร้อยละ 21 ใช้เงินออมส่วนตัวเป็นหลัก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ขอกู้สถาบันการเงิน ทั้งนี้ ร้อยละ 44 มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท และอีกร้อยละ 38 มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนระหว่าง 10,001-20,000 บาท

ร้อยละ 38 ตั้งใจจะซื้อบ้านภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ร้อยละ 21 ต้องการซื้อในระยะเวลาประมาณ 7-12 เดือนข้างหน้า และร้อยละ 28 ต้องการซื้อในระยะเวลาประมาณ 1-2 ปีข้างหน้า จำนวนผู้อยู่อาศัยในบ้านที่จะซื้อ ส่วนใหญ่คือร้อยละ 74 อยู่ที่ประมาณ 2-4 คน โดยร้อยละ 31 มีผู้อยู่อาศัย 2 คน ร้อยละ 21 มีผู้อยู่อาศัย 3 คน และร้อยละ 22 มีผู้อยู่อาศัย 4 คน แสดงว่ามีความต้องการแยกออกมาจากครอบครัวใหญ่

ทำเลที่ผู้เข้าชมงานมี ความต้องการซื้อมากที่สุด คือ เขตกรุงเทพมหานคร ประมาณร้อยละ 70 (สอดคล้องกับทำเลบ้านในปจจุบัน) รองลงไปคือนนทบุรีประมาณร้อยละ 11.5 ขณะที่ปทุมธานีและสมุทรปราการมีประมาณร้อยละ 3.5 เท่ากัน

โดยร้อยละ 36 ให้เหตุผลในการจะซื้อบ้านว่าต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า และร้อยละ 30 ให้เหตุผลว่า ต้องการซื้อบ้านใกล้ที่ทำงาน และมีมากถึงร้อยละ 20 ที่ต้องการซื้อบ้านใกล้ห้างสรรพสินค้า
ส่วนสาเหตุหลักที่ต้องการ ซื้อบ้านนั้น  ร้อยละ 34 ต้องการซื้อเพื่อให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ร้อยละ 18 ต้องการซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สิน และร้อยละ 16 ต้องการความสะดวกในการเดินทาง


Cr. CMC

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น