บทความนำมาจาก http://www.cmc.co.th/
4 ปัจจัย ก่อนลงทุนคอนโดติดหาด
การ เลือกรูปแบบเพื่อการลงทุนนั้นเห็นว่ามีอยู่หลายหลาก ครั้นจะมานั่งพินิจพิเคราะห์ก่อนย่อมเป็นการดี แต่จะให้ดีกว่าถ้ามีเศษขนมปังโรยไว้บ้างแล้ว ไม่ต้องหลงทางจนเสี่ยงเกินไป ฉบับนี้จึงจัดทางลัดสู่การเป็นนักลงทุนแบบมืออาชีพจาก Professional ทางด้านนี้ให้พอเป็นแนวทางก็แล้วกัน
1. เลือกรูปแบบการลงทุน
เบื้อง ต้นสำหรับนักลงทุนแล้วการมองวัตถุประสงค์ของตนเองมักจะเป็นปัจจัยแรก ที่ต้องนำมาประเมินว่าต้องการลงทุนไว้เป็นแบบ Long Term Investment หรือการลงทุนระยะยาวเก็บเกี่ยวกินไปเรื่อยๆ ส่วนอีกแบบคือ Short Term Investment หรือการลงทุนระยะสั้น เน้นเก็งกำไรเป็นหลัก
สำหรับ ผู้ที่เลือกรูปแบบการลงทุน Long Term ส่วนใหญ่แล้วจะเอาไว้เพื่อปล่อยเช่า ดังนั้นปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาคือ Location ไหนที่เหมาะจะเป็น Long Term แล้วพื้นที่นั้นค่าเช่าควรจะอยู่ที่เท่าไหร่
การวิ เคราะห์ Location ที่อยู่ใกล้ๆ กับโครงการของตนเองว่าแถวนั้นมีความหนาแน่นและความต้องการของลูกค้ามากน้อย ขนาดไหน ค่าเช่าอัตราเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไหร่ เป็นกลุ่มลูกค้า Holiday หรือ Long Term ที่จะมาอยู่ เหล่านี้ต้องนำรวมกันเป็นองค์ประกอบในการเลือกรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสมกับ เม็ดเงินในมือ
2. เลือกที่เงินลงทุน = ความชอบ
ยก ตัวอย่าง หากนักลงทุนมีเงิน 10 ล้านบาท แต่เงินจำนวนนี้จะเป็นเงินเย็นได้นานแค่ไหน ถ้าเราจะเลือกซื้อไว้เพื่อการอยู่อาศัยมักจะเริ่มจากโครงการที่เหมาะสำหรับ การอยู่อาศัย และนำพฤติกรรมของคนกรุงเทพฯ มาวิเคราะห์ ซึ่งโดยมากมักจะอยากได้บรรยากาศที่เห็นทะเล (Sea View) เพื่อพักผ่อนและไม่แออัด
ความ โดดเด่นของโครงการนี้คือมีจุดคุ้มของนักลงทุนที่ต้องตระหนักไว้ว่า “ซื้อในสิ่งที่ชอบ คุณต้องไม่ขาดทุนด้วย” จะต้องมีกฎ Benefit คือได้มูลค่าเพิ่มของตัวโครงการอยู่ที่เท่าไหร่ พึงระลึกไว้ว่าการลงทุนนั้นต้องไม่ทำให้มันลดลง และในจำนวนเงินที่ลงไปนั้นคุณยังชอบด้วย
3. เลือกชายหาด ต้องสงบ-สวย
กลุ่ม นักลงทุนที่ชอบ Beachfront วิเคราะห์ว่ามองที่ความสงบแล้ว ดังนั้น Location ที่ขยายตัวออกไปด้านนอกเล็กน้อยเพื่อรองรับอนาคตและความเจริญที่จะไหลออกสู่ ด้านนอกน่าจะมีอนาคตที่สุด ขณะเดียวกัน สำหรับพัทยาแล้ว Beach เป็นส่วนสำคัญที่ลูกค้าก็คงต้องการเลือกก่อนปัจจัยอื่นๆ Location อาจจะเลย “นาจอมเทียน” เพราะยังคงมี Beach ที่สวยงาม อาจจะเลยไปทางโรงแรม Ambassador Jomtien Pattaya และขยับไปแถว “บางเสร่” กลุ่มนี้จะมีชายหาดสวยและเหมาะกับการอยู่อาศัย
4. เลือก Developer
นัก พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) ย่อมต้องถูกนำมาพิจารณาด้วยว่ารายใด กลุ่มไหนที่มีความมั่นคง มีการสร้างกระแสทางการตลาดเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนแล้วเกิดมูลค่าเพิ่ม เช่น มีการปรับราคาเป็น Step เพราะฉะนั้นเราจะต้องวิเคราะห์ Developer เชิงลึก เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดกับการลงทุน
จุด ที่จะทำให้ Developer รายนั้นๆ มีความโดดเด่นเป็นอันดับที่ 1 คือกลุ่มที่มีธนาคารให้การสนับสนุนสินเชื่อ (Supporting) เพราะการที่ได้ถูกธนาคาร Qualify ไปแล้วทั้งจากการสัมภาษณ์ ตรวจสอบ (Check-in) ทุกเรื่องมาแล้วเข้ามาตรฐานของธนาคาร และมีคุณสมบัติได้ตรงตามต้องการ เราจะถือว่ามีคน Screen มาแล้ว 1 ขั้น
อันดับ ที่ 2 ดูจาก Referent Projects ที่เป็นผลงานของ Developer ได้สร้างมา รวมถึงโครงการนั้นๆ มีความต้องการในตลาดแค่ไหน Financial Support แค่ไหน แต่อันดับแรกเลย Project จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าความต้องการของตลาดมีแค่แค่ไหน
ที่มา Home Buyers' Guide Eastern ฉบับเดือน ก.พ. 2556
4 ปัจจัย ก่อนลงทุนคอนโดติดหาด
การ เลือกรูปแบบเพื่อการลงทุนนั้นเห็นว่ามีอยู่หลายหลาก ครั้นจะมานั่งพินิจพิเคราะห์ก่อนย่อมเป็นการดี แต่จะให้ดีกว่าถ้ามีเศษขนมปังโรยไว้บ้างแล้ว ไม่ต้องหลงทางจนเสี่ยงเกินไป ฉบับนี้จึงจัดทางลัดสู่การเป็นนักลงทุนแบบมืออาชีพจาก Professional ทางด้านนี้ให้พอเป็นแนวทางก็แล้วกัน
1. เลือกรูปแบบการลงทุน
เบื้อง ต้นสำหรับนักลงทุนแล้วการมองวัตถุประสงค์ของตนเองมักจะเป็นปัจจัยแรก ที่ต้องนำมาประเมินว่าต้องการลงทุนไว้เป็นแบบ Long Term Investment หรือการลงทุนระยะยาวเก็บเกี่ยวกินไปเรื่อยๆ ส่วนอีกแบบคือ Short Term Investment หรือการลงทุนระยะสั้น เน้นเก็งกำไรเป็นหลัก
สำหรับ ผู้ที่เลือกรูปแบบการลงทุน Long Term ส่วนใหญ่แล้วจะเอาไว้เพื่อปล่อยเช่า ดังนั้นปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาคือ Location ไหนที่เหมาะจะเป็น Long Term แล้วพื้นที่นั้นค่าเช่าควรจะอยู่ที่เท่าไหร่
การวิ เคราะห์ Location ที่อยู่ใกล้ๆ กับโครงการของตนเองว่าแถวนั้นมีความหนาแน่นและความต้องการของลูกค้ามากน้อย ขนาดไหน ค่าเช่าอัตราเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไหร่ เป็นกลุ่มลูกค้า Holiday หรือ Long Term ที่จะมาอยู่ เหล่านี้ต้องนำรวมกันเป็นองค์ประกอบในการเลือกรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสมกับ เม็ดเงินในมือ
2. เลือกที่เงินลงทุน = ความชอบ
ยก ตัวอย่าง หากนักลงทุนมีเงิน 10 ล้านบาท แต่เงินจำนวนนี้จะเป็นเงินเย็นได้นานแค่ไหน ถ้าเราจะเลือกซื้อไว้เพื่อการอยู่อาศัยมักจะเริ่มจากโครงการที่เหมาะสำหรับ การอยู่อาศัย และนำพฤติกรรมของคนกรุงเทพฯ มาวิเคราะห์ ซึ่งโดยมากมักจะอยากได้บรรยากาศที่เห็นทะเล (Sea View) เพื่อพักผ่อนและไม่แออัด
ความ โดดเด่นของโครงการนี้คือมีจุดคุ้มของนักลงทุนที่ต้องตระหนักไว้ว่า “ซื้อในสิ่งที่ชอบ คุณต้องไม่ขาดทุนด้วย” จะต้องมีกฎ Benefit คือได้มูลค่าเพิ่มของตัวโครงการอยู่ที่เท่าไหร่ พึงระลึกไว้ว่าการลงทุนนั้นต้องไม่ทำให้มันลดลง และในจำนวนเงินที่ลงไปนั้นคุณยังชอบด้วย
3. เลือกชายหาด ต้องสงบ-สวย
กลุ่ม นักลงทุนที่ชอบ Beachfront วิเคราะห์ว่ามองที่ความสงบแล้ว ดังนั้น Location ที่ขยายตัวออกไปด้านนอกเล็กน้อยเพื่อรองรับอนาคตและความเจริญที่จะไหลออกสู่ ด้านนอกน่าจะมีอนาคตที่สุด ขณะเดียวกัน สำหรับพัทยาแล้ว Beach เป็นส่วนสำคัญที่ลูกค้าก็คงต้องการเลือกก่อนปัจจัยอื่นๆ Location อาจจะเลย “นาจอมเทียน” เพราะยังคงมี Beach ที่สวยงาม อาจจะเลยไปทางโรงแรม Ambassador Jomtien Pattaya และขยับไปแถว “บางเสร่” กลุ่มนี้จะมีชายหาดสวยและเหมาะกับการอยู่อาศัย
4. เลือก Developer
นัก พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) ย่อมต้องถูกนำมาพิจารณาด้วยว่ารายใด กลุ่มไหนที่มีความมั่นคง มีการสร้างกระแสทางการตลาดเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนแล้วเกิดมูลค่าเพิ่ม เช่น มีการปรับราคาเป็น Step เพราะฉะนั้นเราจะต้องวิเคราะห์ Developer เชิงลึก เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดกับการลงทุน
จุด ที่จะทำให้ Developer รายนั้นๆ มีความโดดเด่นเป็นอันดับที่ 1 คือกลุ่มที่มีธนาคารให้การสนับสนุนสินเชื่อ (Supporting) เพราะการที่ได้ถูกธนาคาร Qualify ไปแล้วทั้งจากการสัมภาษณ์ ตรวจสอบ (Check-in) ทุกเรื่องมาแล้วเข้ามาตรฐานของธนาคาร และมีคุณสมบัติได้ตรงตามต้องการ เราจะถือว่ามีคน Screen มาแล้ว 1 ขั้น
อันดับ ที่ 2 ดูจาก Referent Projects ที่เป็นผลงานของ Developer ได้สร้างมา รวมถึงโครงการนั้นๆ มีความต้องการในตลาดแค่ไหน Financial Support แค่ไหน แต่อันดับแรกเลย Project จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าความต้องการของตลาดมีแค่แค่ไหน
ที่มา Home Buyers' Guide Eastern ฉบับเดือน ก.พ. 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น