บทความนำมาจาก http://www.cmc.co.th/
ตลาดคอนโดมิ เนียมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานับว่าได้รับความสนใจและมีกำลังซื้อสูงอย่างต่อเนื่องพร้อมๆ กับการเปิดตัวโครงการที่มีออกมาจำนวนมากเช่นกัน จนสร้างสถิติใหม่กลายเป็นที่อยู่อาศัยที่มีสัดส่วนมากกว่าตลาดบ้านแนวราบใน ปีที่ผ่านมา
เฉพาะปี 2555 นั้นมีคอนโดมิ เนียมเปิดขายใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประมาณ 62,600 หน่วย จาก 163 โครงการ และส่วนแบ่งการตลาด 2 ใน 3 ของหน่วยขายที่เปิดใหม่ดังกล่าวเป็นของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ จำนวน 35 รายที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ประกอบการที่เปิดขายคอนโดมิเนียมใหม่มากที่สุดคือ LPN, แสนสิริ, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, ศุภาลัยและ AP
เมื่อ หันมาพิจารณาทำเลพื้นที่ที่มีการเปิดขายห้องชุดใหม่มากสุดในปีที่ผ่านมา อันดับหนึ่งคือจังหวัดนนทบุรี จำนวน 10,700 หน่วย โดยเฉพาะในทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง รองลงมาเป็นเขตห้วยขวางจตุจักร ดินแดง รวมกันประมาณ 10,000 หน่วย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้แรวรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)
ส่วน อันดับสามเป็นย่านสุขุมวิทตอนปลาย 5,700 หน่วย แต่ถ้าหากรวมกับจำนวนห้องชุดที่เปิดขายใหม่ของจังหวัดสมุทปราการเข้าไปอีก 5,900 หน่วย ก็จะพบว่าพื้นที่เขตรอยต่อระหว่างถนนสุขุมวิทตอนปลายไปจนถึงสมุทรปราการมี ห้องชุดเปิดขายใหม่มากถึง 11,600 หน่วยเลยทีเดียว
ทั้งนี้ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าจากอ่อนนุช-แบริ่ง-สมุทรปราการนั่นเอง
ด้าน ระดับราคาห้องชุดที่เปิดขายใหม่ในปี 2555 ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคาต่ำกว่า 2ล้านบาท โดยแบ่งออกได้ดังนี้ - ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ประมาณร้อยละ 16 - ระดับราคา 1-1.99 ล้านบาท ประมาณร้อยละ 45 - ระดับราคาต่ำกว่า 2-2.99 ล้านบาท ประมาณร้อยละ 19 - ระดับราคาต่ำกว่า 3-4.99 ล้านบาท ประมาณร้อยละ 12 - ระดับราคาต่ำกว่า 5-7.49 ล้านบาท ประมาณร้อยละ 5 - ระดับราคาต่ำกว่า 7.5 ล้านบาทขึ้นไป ประมาณร้อยละ 3
แต่ถ้าแยกตาม ขนาดของห้องชุดจะเป็นแบบสตูดิโอประมาณร้อยละ 12 ของหน่วยห้องชุดเปิดขายใหม่ทั้งหมด, แบบ 1 ห้องนอนประมาณร้อยละ 74, แบบ 2 ห้องนอนประมาณร้อยละ 12 และแบบ 3 ห้องนอนประมาณร้อยละ 2
สำหรับ สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยปี 2556 นั้น ผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะหันกลับมาทำโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น หลังจากพัฒนาโครงการแนวสูงออกมาเป็นจำนวนมากในช่วง 2-3 ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันก็มีการคาดการณ์ว่าจะมีโครงการคอนโดมิ เนียมในทำเลเด่นๆ เช่น ติดรถไฟฟ้า หรืออยู่ย่านใจกลางเมืองที่เคยปิดการขายไป (โดยที่ผู้ประกอบการได้เก็บห้องชุดจำนวนหนึ่งไว้ขายเมื่อโครงการใกล้เสร็จ หรือเพราะจะได้ราคาดีขึ้น)
รวมทั้งนักลงทุนที่ซื้อคอนโด ก่อนหน้านี้จะนำห้องชุดกลับมา Resale หรือนำออกมาขายใหม่ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 20-30% ของจำนวนห้องชุดที่เปิดขายและก่อสร้างเสร็จแล้วในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา
โดย เฉพาะห้องชุดในโครงการที่มีทำเลในเมืองและใกล้กับรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันที่ดินมีราคาแพงมากและแทบจะหาที่ดินมาทำโครงการได้ยาก ส่งผลให้โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวออกมานั้นมีจำนวนลดลง และยังมีราคาแพงขึ้นอีกด้วยเมื่อเทียบกับโครงการที่เปิดขายมาก่อนหน้านี้ดัง นั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการนำห้องชุดกลับมา Resale ใหม่ และน่าจะได้รับความสนใจอย่างมากในปีนี้
ที่มา บ้านพร้อมอยู่ ฉบับเดือน ก.พ. 2556
ตลาดคอนโดมิ เนียมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานับว่าได้รับความสนใจและมีกำลังซื้อสูงอย่างต่อเนื่องพร้อมๆ กับการเปิดตัวโครงการที่มีออกมาจำนวนมากเช่นกัน จนสร้างสถิติใหม่กลายเป็นที่อยู่อาศัยที่มีสัดส่วนมากกว่าตลาดบ้านแนวราบใน ปีที่ผ่านมา
เฉพาะปี 2555 นั้นมีคอนโดมิ เนียมเปิดขายใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประมาณ 62,600 หน่วย จาก 163 โครงการ และส่วนแบ่งการตลาด 2 ใน 3 ของหน่วยขายที่เปิดใหม่ดังกล่าวเป็นของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ จำนวน 35 รายที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ประกอบการที่เปิดขายคอนโดมิเนียมใหม่มากที่สุดคือ LPN, แสนสิริ, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, ศุภาลัยและ AP
เมื่อ หันมาพิจารณาทำเลพื้นที่ที่มีการเปิดขายห้องชุดใหม่มากสุดในปีที่ผ่านมา อันดับหนึ่งคือจังหวัดนนทบุรี จำนวน 10,700 หน่วย โดยเฉพาะในทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง รองลงมาเป็นเขตห้วยขวางจตุจักร ดินแดง รวมกันประมาณ 10,000 หน่วย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้แรวรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)
ส่วน อันดับสามเป็นย่านสุขุมวิทตอนปลาย 5,700 หน่วย แต่ถ้าหากรวมกับจำนวนห้องชุดที่เปิดขายใหม่ของจังหวัดสมุทปราการเข้าไปอีก 5,900 หน่วย ก็จะพบว่าพื้นที่เขตรอยต่อระหว่างถนนสุขุมวิทตอนปลายไปจนถึงสมุทรปราการมี ห้องชุดเปิดขายใหม่มากถึง 11,600 หน่วยเลยทีเดียว
ทั้งนี้ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าจากอ่อนนุช-แบริ่ง-สมุทรปราการนั่นเอง
ด้าน ระดับราคาห้องชุดที่เปิดขายใหม่ในปี 2555 ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคาต่ำกว่า 2ล้านบาท โดยแบ่งออกได้ดังนี้ - ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ประมาณร้อยละ 16 - ระดับราคา 1-1.99 ล้านบาท ประมาณร้อยละ 45 - ระดับราคาต่ำกว่า 2-2.99 ล้านบาท ประมาณร้อยละ 19 - ระดับราคาต่ำกว่า 3-4.99 ล้านบาท ประมาณร้อยละ 12 - ระดับราคาต่ำกว่า 5-7.49 ล้านบาท ประมาณร้อยละ 5 - ระดับราคาต่ำกว่า 7.5 ล้านบาทขึ้นไป ประมาณร้อยละ 3
แต่ถ้าแยกตาม ขนาดของห้องชุดจะเป็นแบบสตูดิโอประมาณร้อยละ 12 ของหน่วยห้องชุดเปิดขายใหม่ทั้งหมด, แบบ 1 ห้องนอนประมาณร้อยละ 74, แบบ 2 ห้องนอนประมาณร้อยละ 12 และแบบ 3 ห้องนอนประมาณร้อยละ 2
สำหรับ สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยปี 2556 นั้น ผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะหันกลับมาทำโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น หลังจากพัฒนาโครงการแนวสูงออกมาเป็นจำนวนมากในช่วง 2-3 ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันก็มีการคาดการณ์ว่าจะมีโครงการคอนโดมิ เนียมในทำเลเด่นๆ เช่น ติดรถไฟฟ้า หรืออยู่ย่านใจกลางเมืองที่เคยปิดการขายไป (โดยที่ผู้ประกอบการได้เก็บห้องชุดจำนวนหนึ่งไว้ขายเมื่อโครงการใกล้เสร็จ หรือเพราะจะได้ราคาดีขึ้น)
รวมทั้งนักลงทุนที่ซื้อคอนโด ก่อนหน้านี้จะนำห้องชุดกลับมา Resale หรือนำออกมาขายใหม่ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 20-30% ของจำนวนห้องชุดที่เปิดขายและก่อสร้างเสร็จแล้วในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา
โดย เฉพาะห้องชุดในโครงการที่มีทำเลในเมืองและใกล้กับรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันที่ดินมีราคาแพงมากและแทบจะหาที่ดินมาทำโครงการได้ยาก ส่งผลให้โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวออกมานั้นมีจำนวนลดลง และยังมีราคาแพงขึ้นอีกด้วยเมื่อเทียบกับโครงการที่เปิดขายมาก่อนหน้านี้ดัง นั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการนำห้องชุดกลับมา Resale ใหม่ และน่าจะได้รับความสนใจอย่างมากในปีนี้
ที่มา บ้านพร้อมอยู่ ฉบับเดือน ก.พ. 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น