วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ฮวงจุ้ย กับ อาคารชุดคอนโด

คอนโด เว็บคอนโด ขายคอนโด คอนโดใหม่


บทความนำมาจาก http://www.cmc.co.th/

“ฮวงจุ้ย” ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนรู้จัก แต่รู้ อย่างถูกบ้างผิดบ้าง

“ฮวงจุ้ย” หลายคนเชื่ออย่างงมงาย โดยไม่รู้เหตุผลและที่มาว่าเป็นอย่างไร แม้กระทั่งอาจารย์ดู

“ฮวงจุ้ย” บางรายก็สอนและแนะนำคนอื่นอย่างผิด ๆ ในหลาย ๆ เรื่อง

“ฮวงจุ้ย” แท้จริงนั้น คืออะไร

“ฮวงจุ้ย” คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วย การจัดอาคารบ้านเรือนสิ่งแวดล้อม ให้เหมาะสมกับภูมิประเทศ
และภูมิอากาศ เพื่อให้คนอยู่ดี มีสุข นั่นเอง

“ฮวงจุ้ย” เป็นคำ 2 คำ ภาษาจีน อ่านเป็นภาษาแต้จิ๋วว่า “ฮวงจุ้ย” หรืออ่านเป็นภาษาจีนกลางว่า “ฟงสุ่ย”

“ฮวง” หรือ “ฟง ” แปลว่า “ลม” หมายถึง “ภูมิอากาศ”

“จุ้ย” หรือ “สุ่ย ” แปลว่า “น้ำ” หมายถึง “ภูมิประเทศ”

“ฮวงจุ้ย” ถือกำเนิดในประเทศจีนมานับพันปี โดยได้นำเอาสถิติตัวอย่างของความอยู่ดีมีสุข และ
ความอับโชคให้ทุกข์ต่าง ๆ ในอดีตที่ผ่านมาประมวลเป็น ทฤษฎี “ฮวงจุ้ย” แต่ต้องไม่ลืมว่าเป็นภูมิประเทศ

ภูมิอากาศในประเทศจีน ซึ่งทั้งเหมือนและแตกต่างจากในประเทศไทย

ในด้านภูมิประเทศ ในประเทศ จีน-ไทย ไม่ต่างกันมาก เพราะมีน้ำ มีดิน มีที่เนิน มีที่ลุ่ม มีต้นไม้คล้ายกัน
ในด้านภูมิอากาศ ในประเทศจีน-ไทย ถึงแม้จะอยู่ในซีกโลกเหนือเหมือนกันแต่แตกต่างกันมากกว่า เพราะ

ภูมิอากาศส่วนใหญ่ในประเทศจีน อยู่ในเขตอบอุ่น มีฝนตกแต่ไม่มาก หน้าหนาวลมจากทิศเหนือแรงมาก ลมเย็นจากทิศใต้ จะเป็นหน้าร้อนประเทศไทยอยู่ในเขตของภูมิอากาศแบบมรสุมเมืองร้อน ฝนชุก ลมไม่แรง แต่มีสิ่งคล้ายคลึงกับเมืองจีน คือ ทิศทางลมหนาวส่วนใหญ่จะพัดมาจาก ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ในหน้าร้อน

เมื่อเข้าใจถึง “ความเหมือน” และ ”ความแตกต่าง” เราจึงต้องเลือกเอาสิ่งที่เหมือน และใช้ได้กับเมืองไทยมาใช้ และต้องงดเว้นหรือปรับเปลี่ยน สิ่งที่ไม่เหมาะสมกับเมืองไทยให้เหมาะสม

ตัวอย่าง

1. ประตูหน้าบ้าน
อาจารย์ “ฮวงจุ้ย” หลายคนแนะนำให้ประตูหน้าบ้านในเมืองไทยต้องเปิดออก ตามตำราที่จำและลอก
มาจากจีน ซึ่งไม่ถูก

ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี อย่างถ่องแท้และลึกซึ้ง เมื่อผมได้มีโอกาสอยู่และเรียนหนังสือในรัฐ ILLNOIS สหรัฐอเมริกาซึ่งมีอากาศอบอุ่นคล้ายประเทศจีน หน้าหนาวลมพัดแรงมากจนตัวเกือบปลิว มีหิมะตกแต่ฝนไม่มาก ถ้าเปิดประตูหน้าบ้านออกจะเปิดยากมาก ดังนั้น เปิดประตูเข้าไปในบ้านจึงง่ายกว่า โดยเฉพาะเวลาต้องหอบของพะรุงพะรังด้วย แต่เมื่อเข้าบ้านแล้ว สามารถใช้ตัวช่วยดันประตูปิดได้ไม่ยาก อนึ่ง ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำฝนที่เกาะประตูไหลลงพื้นบ้าน แต่ในเมืองไทยซึ่งฝนตกชุก ถ้าเปิดประตูเข้าบ้านในหน้าฝน น้ำฝนที่ค้างอยู่บนบานประตู จะไหลลงพื้นบ้านเปียกเลอะเทอะ ดังนั้น ที่ถูกต้องและสะดวกต่อการใช้สอย ประตูหน้าบ้านในเมืองไทย จึงควรเปิดออกแทนการเปิดเข้าแบบในเมืองจีน และเปิดประตูออกก็ไม่ยาก เพราะลมไม่ได้แรงมาก ไม่ว่าจะเปิดหน้าร้อนหรือหน้าหนาวก็ตาม

2. ธรณีประตู
สมัยนี้วิธีการก่อสร้างเปลี่ยนไป ประตูบ้านไม่จำเป็นต้องทำธรณี แต่ผมเห็น อาจารย “ฮวงจุ้ย” หลายคน
แนะนำทางทีวี ให้ทำธรณี เพื่อป้องกันความชั่วร้ายอับโชค ซึ่งยังคงพิสูจน์ไม่ได้ แต่นั่นกำลังทำให้เกิดโอกาสที่จะสะดุดหกล้มได้ง่าย โดยเฉพาะคนสูงอายุ เมื่อมีอุบัติเหตุหกล้มเพียงครั้งเดียว ก็เท่ากับธรณีกลับเป็นตัวนำความโชคร้ายมาสู่บ้านอย่างชัดเจน

3. ที่ดินงอก-ที่น้ำเซาะ
ตัวอย่างของการตั้งเมืองหลวงกรุงธนบุรีบนฝั่งน้ำเซาะ กรุงธนบุรีก็อยู่ได้เพียง 15 ปี ก็สิ้นราชวงศ์ แต่
กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บนฝั่งดินงอก ประเทศก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ อยู่มาได้กว่า 200 ปี แล้ว
บ้านเรือนคนทั่วไป ที่ตั้งอยู่ในฝั่งน้ำเซาะ ตอ้ งเสียเงินเสียทองทำเขื่อนที่แข็งแรงมากถึงจะไม่เสียที่ดินถูกน้ำเซาะหายไป แต่ฝั่งดินงอกกลับได้ที่ดินเพิ่มพร้อมทั้งกระแสนน้ำจะพัดพาเอาปุ๋ยมาเพิ่มให้กับดินด้วย

4. หลบแดด-รับลม หน้าน้ำ-หลังเขา
ตัวอย่างพื้นฐานการวางอาคารบ้านตามหลัก “ ฮวงจุ้ย” คือ การวางอาคารหลบแดดรับลม โดยเอาด้าน
ยาวของอาคารหันรับลมจากทิศใต้ ด้านแคบของอาคารหันไปทางทิศตะวันออก-ตก (ไม่ขวางตะวัน)
โดยเฉพาะถ้ามี บ่อน้ำ,สระน้ำ,แม่น้ำ,ทะเล อยู่ด้านหน้าก็จะยิ่งดี เพราะน้ำเมื่อระเหยทำอุณหภูมิลดต่ำลง จะเกิดลมเย็นพัดเข้ามายังบ้านในหน้าร้อน และยังทำให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงามอีกด้วย หลังบ้าน ถ้ามีเขาหรืออาคารที่สูงใหญ่กว่า ก็จะบังลมหนาวที่พัดมาจากด้านหลังซึ่งเป็นทิศเหนือได้ด้วย

5. ทางสามแพร่ง
อาคารสาธารณะจำนวนมากทั่วโลก เช่น รัฐสภา อาคารที่ว่าการรัฐฯ ตั้งตรงทางสามแพร่ง ซึ่งเป็นการวางผังที่งามสง่าเห็นชัดและเน้นความสำคัญของอาคาร แต่ตำแหน่งที่ดีของอาคารควรตั้งอยู่บนเนินเขาที่เลยระดับแสงไฟรถส่องเข้ามารบกวนคนที่อยู่ภายใน และเมื่อรถวิ่งเข้ามาใกล้ ถนนควรจะเปลี่ยนรูปเป็นวงเวียน ให้รถเลี้ยวซ้าย/ขวา แยกย้ายออกไปสำหรับบ้านส่วนตัวหลังไม่ใหญ่ และตั้งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับถนนหน้าบ้านที่รถวิ่งเข้ามาหาตัวบ้าน แสงไฟรถย่อมส่องเข้ามารบกวนได้ และทำให้เกิดความรู้สึกเสียวไม่ปลอดภัยเหมือนรถจะวิ่งพุ่งเข้ามาชนบ้าน แต่กรณีทีความจำเป็นต้องอยู่ในลักษณะดังกล่าว ก็แก้ไขได้โดยย้ายประตูรั้วหรือประตูบ้านไม่ให้ตรงกับถนน และปลูกต้นไม้หนาทึบบัง เป็นต้น

จากตัวอย่างต่าง ๆ ข้างต้นจะเห็นได้ว่าทฤษฎี  “ฮวงจุ้ย” ส่วนใหญ่ยังใช้ได้กับเมืองไทยและถูกต้องตรง
กับหลักวิชาการวางผัง และออกแบบสถาปัตยกรรม เพียงแต่ต้องเลือกเชื่อเลือกใช้ให้เหมาะสม ให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องเท่านั้น ก็จะทำให้คน “อยู่ดีมีสุข” อย่างแท้จริง

ประทีป ตั้งมติธรรม
ที่มา: supalai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น