วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ชีวิตคนกรุง ชีวิตลอยฟ้า อยู่สบาย... สไตล์คอนโด

บทความนำมาจาก http://www.cmc.co.th/

มหานครกรุงเทพฯ กล่าวได้ว่านับวันการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตประจำวันของคนกรุงยุคใหม่แทบจะ ไม่แตกต่างจากเมืองใหญ่อีกหลายเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะการอยู่อาศัยในย่านใจกลางเมืองหรือทำเลในเมืองที่ปัจจุบันกลายเป็น ทางเลือกอันดับแรกไปแล้ว จากเดิมนิยมเลือกซื้อบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์เป็นหลัก

จากจำนวนประชากรล่าสุด ณสิ้นปี 2552 อ้างอิงสถิติของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ 5.7 ล้านคน แยกเป็นประชากรชายกว่า 7 ล้านคนและหญิงกว่า 2.9 ล้านคน เฉพาะส่วนที่เป็นประชากรที่มีทะเบียนบ้านในกรุงเทพมหานคร

ไม่นับรวม จำนวนประชากรแฝงที่เข้ามาอยู่อาศัยและทำงานในกรุงเทพมหานครและที่เดินทาง เข้ามาแบบเช้า-เย็นกลับอีกในปริมาณเกือบเท่า ๆ กัน รวมแล้วมีประชากรที่อยู่อาศัยและทำงานในกรุงเทพมหานครมากถึงกว่า 10 ล้านคนจึงเป็นไปได้สูงที่ภายในปี 2576 หรืออีก 23 ปีข้างหน้า กรุงเทพมหานครจะกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่เรียกว่า"เมกะซิตี้" หรือ"มหานคร" มีอัตราความหนาแน่นของประชากรและการเจริญเติบโตเทียบเท่าเมืองขนาดใหญ่แห่ง อื่น ๆ ในโลก

อันดับ 7 เมืองตึกระฟ้าของเอเชีย
"กทม." ถูกจัดให้เป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับที่31 ในโลก จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ http://www.citypopulation.de ที่จัดอันดับ"เมืองมหานคร" อันหมายถึงเมืองที่มีจำนวนประชากรพักอาศัยมากกว่า10 ล้านคนขึ้นไป

ทั้ง นี้ทั้งนั้นที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ การจัดอันดับเมืองใหญ่ที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดในเอเชีย ณ เดือนสิงหาคม2553 ปรากฏว่ากรุงเทพมหานครติด 1 ใน 10 อันดับ โดยรั้งอันดับ 7 จากท็อป10 เมืองที่มีตึกสูงมากที่สุดในเอเชีย ประกอบด้วย

อันดับ 1 เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นจำนวนตึกสูง 1,157 ตึกอันดับ 2 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน 631 ตึกอันดับ 3 เมืองดูไบสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 441 ตึกอันดับ 4 เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน399 ตึกอันดับที่5 เมืองฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน 359 ตึก

อันดับที่ 6 เมืองโซล เกาหลีใต้ 323 ตึกอันดับที่ 7 กรุงเทพมหานคร 305 ตึกอันดับที่ 8 เมืองกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน 279 ตึกอันดับที่ 9 เมืองปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน 277 ตึกและ อันดับที่ 10 สิงคโปร์ 264 ตึก"เมืองเปลี่ยน ไลฟ์สไตล์ก็เปลี่ยนตาม"จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ปัจจุบันบริษัทพัฒนาที่ดิน ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ต่างแข่งกันลอนช์โปรดักต์รองรับดีมานด์ตลาดที่อยู่อาศัยในฐานะเมกะซิ ตี้ โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลเชิงสถิติบ่งชี้ชัดเจนว่า อัตราการเติบโตของโครงการตึกสูงในมหานครกรุงเทพฯ ไม่เป็นสองรองใครในภูมิภาคเอเชีย เรียกว่ายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับจีนญี่ปุ่น เกาหลี ทีเดียวเชียว

ควบ คู่กันไปกับภาวะ "บูม" ของโครงการตึกสูงในเขตเมืองหลวงกรุงเทพฯเมื่อเจาะลึกลงรายละเอียดไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าโครงการตึกสูงดังกล่าวจะเกาะกลุ่มการลงทุน2-3 โปรดักต์หลัก ๆ ได้แก่ โรงแรมออฟฟิศบิลดิ้ง และ
คอนโดมิเนียม

กล่าวสำหรับตลาด
คอนโดมิเนียม ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) หรือREIC ระบุมียอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมครองแชมป์ต่อเนื่อง ประเมินจากสถิติปี2552 ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยรวมในกรุงเทพมหานคร-ปริมณฑล160,563 หน่วย มียอดโอนคอนโดมิเนียมสูงสุด56,107 หน่วย ทาวน์เฮาส์51,479 หน่วย บ้านเดี่ยว33,118 หน่วย อาคารพาณิชย์15,314 หน่วย และบ้านแฝด4,545 หน่วย

เทียบปี 2551 ยอดโอนกรรมสิทธิ์รวม 146,451 หน่วย แบ่งเป็น
คอนโด 45,815 หน่วย ทาวน์เฮาส์ 47,947 หน่วย บ้านเดี่ยว 32,338 หน่วย อาคารพาณิชย์ 15,741 หน่วย และบ้านแฝด 4,610 หน่วย เทียบปี2550 ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยรวม 134,932 หน่วย เป็นคอนโด 39,197 หน่วย ทาวน์เฮาส์44,243 หน่วยบ้านเดี่ยว 31,457 หน่วย อาคารพาณิชย์ 15,977 หน่วย และบ้านแฝด 4,058 หน่วย

จากข้อมูลดังกล่าวพบว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์หน่วยที่เป็นห้องชุดหรือ
คอนโดเดิม เคยมีจำนวนน้อยกว่าทาวน์เฮาส์ในปี2550 และ 2551 เมื่อย่างเข้าปี2552 ยอดโอนกรรมสิทธิ์ก็กลับมามีจำนวนมากกว่า เหตุผลเป็นเพราะโครงการคอนโดเมื่อมีการจองซื้อแล้ว กว่าจะส่งมอบหรือโอนกรรมสิทธิ์จะต้องใช้เวลา1 ปีครึ่ง-2 ปีแสดงให้เห็นว่า การเลือกซื้อคอนโดได้รับความนิยมอย่างน้อยที่สุดตั้งแต่ช่วงปลายปี2549 จนถึงปัจจุบัน

สรุปได้ว่า ตลาด
คอนโดมิเนียมมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะคอนโดระดับ ราคาปานกลาง1-3 ล้านบาท ที่บูมต่อเนื่องมานานหลายปี เนื่องจากเซ็กเมนต์นี้มีฐานตลาดค่อนข้างกว้าง กลุ่มลูกค้ากระจายอยู่หลายทำเลทั่วกรุงเทพมหานครและพื้นที่ซึ่งเป็นเขตรอย ต่อปริมณฑลอย่างนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ฯลฯ

ปุจฉา: ทำไมต้อง "อยู่
คอนโด"
"
คอนโดมิเนียม" จากที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่และมีกลุ่มลูกค้าค่อนข้างจะจำกัด ต่อมาเมื่อมีผู้ริเริ่มพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงในยุคแรก ๆ ช่วงก่อนปี2520 เวลาผ่านไปกว่า30 ปีทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมมีการพัฒนาหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการดีไซน์ การวางคอนเซ็ปต์โครงการการทำการตลาดและส่งเสริมการขาย

ควบคู่กันไป ทางหน่วยงานภาครัฐก็ได้มีความพยายามพัฒนาและปรับปรุงกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาโครงการ
คอนโด เพื่อยกระดับมาตรฐานในการพัฒนาโครงการ ยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคที่เลือกซื้อคอนโดฯ สำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัย

อาทิ กฎหมายอาคารชุดฉบับแรกพ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 กฎกระทรวงที่ออกภายใต้ พ.ร.บ.อาคารชุด จนถึงกฎหมายอาคารชุดฉบับปัจจุบันพ.ร.บ.อาคารชุด ฉบับที่4 พ.ศ. 2551 พ.ร.บ.ผังเมือง พ.ศ.2518 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 พ.ร.บ.การจัดการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ.2551 เป็นต้น

ส่งผลให้โครงการ
คอนโดมิ เนียมได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้น ผลพวงจากการยกระดับมาตรฐานโครงการทั้งในด้านคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม พื้นที่สีเขียวและการสร้างความร่มรื่นด้วยการดึงธรรมชาติมาไว้ในตัวโครงการ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายต่าง ๆ ในการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส คลับเฮาส์ฯลฯ ในระดับที่เทียบเท่า หรือบางโครงการอาจจะเหนือกว่าโครงการที่อยู่อาศัยในแนวราบประเภทบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์

จับตาทำเล "บลูโอเชี่ยน"
จากที่ปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้"คนกรุง"ยุคปัจจุบันโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เลือกซื้อ
คอนโดเป็น ที่อยู่อาศัยมากขึ้น มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันหรือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกสบาย ความปลอดภัย การประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางฯลฯ ส่งผลให้คอนโดที่ อยู่ในทำเลใจกลางเมือง และตามแนวรถไฟฟ้าได้รับการตอบสนองจากลูกค้าจำนวนมาก ในจำนวนนี้มีทำเลเด่นที่ฮอตฮิตติดอันดับและทำเลใหม่ ๆ ที่โครงการคอนโดฯเริ่มเข้าไปปักหมุดลงทุนทำตลาดและมีแนวโน้มว่าน่าจะได้รับ ความนิยมเพิ่มขึ้น

ได้แก่ สาทร สีลม สุขุมวิท เพลินจิตวิทยุ หลังสวน ทองหล่อ พหลโยธินลาดพร้าว รัชดาภิเษก อโศก พระราม 3 นราธิวาสราชนครินทร์ ที่กำลังมาแรงคือทำเลรถไฟฟ้า ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายฝั่งธนบุรี จากสาทร-วงเวียนใหญ่ ที่เพิ่งเปิดใช้บริการ ส่วนต่อขยายวงเวียนใหญ่บางหว้า และส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่งที่กำลังก่อสร้าง รวมทั้งแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และที่ภาครัฐจะผลักดันก่อสร้างในอนาคต อย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-ท่าพระ และท่าพระ-บางแครถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิตสะพานใหม่ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวจากสถานีแบริ่ง-สมุทรปราการ

ที่มา: หนังสือพิมพ์ : ประชาชาติธุรกิจ  02-10-2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น