บทความนำมาจาก http://www.cmc.co.th/
ชื่อของ"มานะ จิระนภากุล" คนในวงการอสังหาริมทรัพย์ รู้จักกันในฐานะเจ้าของโครงการย่านศรีนครินทร์ ทั้งบ้านเดี่ยว ภายใต้แบรนด์ "เลอ นีโอ" และแบรนด์ "เลอ นครินทร์" ไปถึงทาวน์โฮม แบรนด์ เลอ เน็กซ์ตร้า แต่ใครจะรู้ว่าเอ็มดีแห่งค่ายน้อมบุญผู้นี้ เป็นหนึ่งในผู้ที่หลงใหลมนต์เสน่ห์ของการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองมานานกว่า 15 ปีแล้ว
ถ้าถามว่าทำไมถึงจะอยู่คอนโด คงเป็นเรื่องของความเคยชินเพราะ เรียนอยู่ที่อเมริกา 2 ปี ทำงานในต่างประเทศอีก 2 ปี อยู่อพาร์ตเม้นต์ จนชิน พอกลับมาเมืองไทยก็เห็นแนวโน้มว่าคอนโดจะมา และก็พอรู้บ้าง แล้วว่าจะมีรถไฟฟ้า
ในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อห้องชุดในโครงการลุมพินี พาร์ค วิว บนทำเล ถนนพระราม 4 ตรงข้ามสวนลุมพินี เป็น 2 ห้องต่อกัน มี 2 ห้องนอน พื้นที่รวม 100 ตร.ม. แล้วก็ดัดแปลงห้องนอนเป็นห้องทำงานแทน
มานะ กล่าวว่า ทำเลนี้ดีมาก เพราะนอกจากจะใกล้ทางด่วนแล้ว ยังอยู่ใกล้สวนลุม เห็นแล้วสบายตา เพราะกรุงเทพฯ มีสวนสาธารณะ อยู่ไม่กี่แห่ง ส่วนบริเวณโรงเรียนเตรียมทหารเดิมที่กำลังจะพัฒนา ถามว่าเสียดายไหมถ้าจะไม่ได้เห็นวิวสวยๆ โล่งๆ แล้ว ก็ยอมรับว่าเสียดาย แต่มัน ก็เป็นสิทธิที่จะพัฒนาได้ เพราะ "เราไม่มีสิทธิในอากาศของคนอื่นถ้าที่ดินแปลงนั้นไม่ใช่ของเรา"
ถ้า เป็นแนวคิดในหลายประเทศ รัฐบาลจะยอมให้สร้างสูงๆ ในพื้นที่เดียว แล้วเหลือพื้นที่ดินไว้ เจ้าของที่ดินที่ไม่อยากสร้างสูง ก็ไม่เสียสิทธิ อยาก ขายสิทธิทางอากาศก็ขายได้ แต่ถ้าบังคับความสูง ผู้ประกอบการทุกคน ก็ต้องพัฒนาเต็มที่ดิน ข้างล่างก็อึดอัด แล้วมันก็ไม่มีใครได้อะไร ราคาที่ดิน ก็สูงขึ้น เพราะทุกคนต้องการที่ดินมาพัฒนา
ส่วนแนวคิดของคอนโดมิ เนียมยุคใหม่ๆ ก็เล็กลงเรื่อยๆเริ่มอยู่ยาก อยู่ได้แค่ 2 คน คอนโดไซส์เล็กๆ จะเหมาะกับคนโสด ครอบครัวเพิ่งแต่งงาน ถ้าเริ่มมีลูกคงต้องหาบ้านแนวราบ เลยทำให้คิดว่าถ้ารถไฟฟ้ากระจายไปยังอยู่ได้แค่ 2 คน คอนโดไซส์เล็กๆ จะเหมาะกับคนโสด ครอบครัวเพิ่งแต่งงาน ถ้าเริ่มมีลูกคงต้องหาบ้านแนวราบ เลยทำให้คิดว่าถ้ารถไฟฟ้ากระจายไปยังรอบเมืองครอบคลุมขึ้น คนคงมีทางเลือกในการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น คุณภาพชีวิตคนทำงานในเมืองคงดีขึ้น
มานะ ยังกล่าวอีกว่า การซื้อคอนโดนอกจากจะเพื่ออยู่อาศัยแล้วยังถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งด้วย ในยุคนั้นคอนโดใจ กลางเมืองราคา 5-6 หมื่นบาทต่อตร.ม. ตอนนี้ราคาก็ขยับไปสูงกว่า 80% ของราคาเดิมแล้ว ถ้ามองเป็นตัวเลขรวมๆ แล้วดูเยอะ แต่ลองหาร 15 ปี ก็ประมาณ 6% ต่อปี หักเงินเฟ้อ 3-4% ต่อปี ก็ไม่ได้ถือว่ากำไรมหาศาล เพียงแต่ราคาไม่ตก และถือว่ากำไรจากการได้อยู่อาศัยมากกว่า
ที่มา น.ส.พ.โพสต์ ทูเดย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น